เรื่องดาวศุกร์ ขึ้นทางทิศตะวันตกนั้น คุณ L คงเข้าใจผิดไป ถ้าคุณ L ได้เรียน ดาราโหราศาสตร์ มา จะทราบดีครับว่า ดาวทุกดวงขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก ด้วยกฎมือขวา

แต่เหตุที่บางช่วงเรามองเห็นดาวศุกร์ปรากฏในเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันตก (คนไทยเรียกกันว่า ดาวประจำเมือง) นั้น  เพราะว่าดาวศุกร์โคจรอยู่หน้าอาทิตย์ ทำให้ตอนกลางวันนั้น ดาวศุกร์ก็อยู่บนท้องฟ้าแล้วแต่ยังมองไม่เห็นเพราะสว่างอยู่ ต่อเมื่ออาทิตย์ตก ฟ้ามืดลง จึงมองเห็นดาวศุกร์ตอนหัวค่ำ ส่วนบางช่วงที่ดาวศุกร์ปรากฏในเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออก (คนไทยเรียกว่า ดาวประกายพรึก) นั้น เป็นเพราะศุกร์โคจรอยู่หลังดวงอาทิตย์ จึงขึ้นทางทิศตะวันออกก่อนที่อาทิตย์จะขึ้น เราจึงมองเห็นในตอนเช้ามืด พออาทิตย์ขึ้น ฟ้าสว่าง เราก็จะมองดาวศุกร์ไม่เห็น

สรุปง่ายๆคือ ดาวศุกร์ที่สว่างสุกใส ไม่ได้ขึ้นทางทิศตะวันตกครับ แต่ปรากฏตอนหัวค่ำทางทิศตะวันตก ก็เพราะว่าช่วงนี้ดาวศุกร์โคจรอยู่หน้าดวงอาทิตย์ครับ ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ไปประมาณสิ้นเดือนตุลาคมครับ เพราะตอนนั้นศุกร์จะโคจรถอยหลังจนอาทิตย์จะโคจรมาทันดาวศุกร์ที่ต้นราศีพิจิก (อ้างอิงจักรราศีสายนะ) ก็จะเปลี่ยนเป็นดาวประกายพรึก ปรากฏทางทิศตะวันออกตอนเช้ามืดแทน หวังว่าคุณ L จะได้คำตอบนะครับ

ปรากฏการณ์ดาวศุกร์ที่สลับระหว่างดาวประจำเมืองกับดาวประกายพรึกนี้ เกิดขึ้นทุกปีครับ ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดนานๆครั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด ดาวศุกร์จะเป็นดาวประจำเมืองหรือประกายพรึกครั้งละประมาณ 9 เดือนกว่า สลับกันไป

ส่วนอีกประโยคหนึ่งของคุณ L ที่บอกว่าดาวอังคารเคลื่อนคล้อยเข้าหาดาวเสาร์อย่างเต็มกำลัง อันนี้ทางดาราศาสตร์ เขาเรียกว่าวงรอบซีโนดิค (Synodic Cycle) ครับ ในกรณีดาวอังคารกับดาวเสาร์นี้ ดาวทั้งสองจะกุมกันทุก 2 ปี (ราว 25 เดือน) ครับ ถ้าบอกว่าดาวอังคารพุ่งเข้าหาดาวเสาร์แล้ว โลกต้องเผชิญหายนะนั้น ก็คงเผชิญกันทุก 2 ปีครับ แต่ก็อาจจะถูกก็ได้ เพราะเราได้ยินหายนะเกิดขึ้นในโลกทุกเดือนกันอยู่แล้ว ทำนายดวงเมืองแบบหมอดูโสรัจจะ ที่บอกว่าคนตายเป็นเบือกันทุกเดือน ก็ยังมีคนบอกว่าแม่นมากเลยครับ

รอบนี้ดาวอังคารและดาวเสาร์จะกุมกันในวันที่ 31 ก.ค. 2010 ที่ตำแหน่ง 0 ตุล แต่ความสำคัญของเหตุการณ์นี้ไม่ได้มาจากดาวสองดวงนี้เท่านั้น แต่มาจากโครงสร้าง Grand Cross สำคัญที่ราศีทวาร คือ พฤหัส มฤตยูที่ราศีเมษ ฮาเดส โครโนสที่ราศีกรกฎ อังคาร เสาร์ที่ราศีตุล และพลูโตที่ราศีมกร เรียกกันว่า Cardinal Climax ที่ผมเคยเขียนไว้แล้วในบทความ "Return of Great Depression?" แต่เป็นแง่มุมด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่ด้านการเมืองครับ

ถ้าคุณ L สนใจวงรอบกุมกันของอังคารเสาร์ ก็ลองกลับไปดูในอดีตก็ได้ครับ ได้แก่ 11 ก.ค. 2008, 18 มิ.ย. 2006, 25 พ.ค. 2004, 4 พ.ค. 2002, 16 เม.ย. 2000, 2 เม.ย. 1998, 22 มี.ค. 1996, 14 มี.ค. 1994, 7 มี.ค. 1992, 1 มี.ค. 1990 ถ้าศึกษาแล้วพบอะไรดีๆ ก็มาเล่าสู่กันฟังก็ได้ครับ

ขออนุญาตแปลความเห็นที่ 2 นิดนึงครับ เผื่อผู้ที่ไม่ทราบจะได้ไม่ต้องเสียเวลาค้นนาน

De Revolutionibus Orbrium Codestium คือชื่อหนังสือที่นิโคลัส โคเปอร์นิคัส เขียนขึ้น ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1543 รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า "On the Revolutions of the Heavenly Bodies" ว่าด้วยการโคจรของเทหวัตถุบนฟ้า เป็นหนังสือที่ปฏิวัติความรู้ดาราศาสตร์ที่ได้รับความเชื่อถือมาเป็นพันปีของปโตเลมีที่บอกว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล ส่วนโคเปอร์นิคัสบอกว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งต่อมาพิสูจน์แล้วว่า โคเปอร์นิคัสถูก (ที่ผิดพลาดบ้างคือ โคเปอร์นิคัส คิดว่า วงโคจรเป็นวงกลม แต่ต่อมา เคปเลอร์ได้บอกว่า เป็นวงรี ซึ่งถูกต้องกว่า)

อย่างไรก็ตาม โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ตั้งอยู่บนปรากฏการณ์ หรือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นด้วยตาของคนบนโลก ไม่ใช่จากมุมมองของพระเจ้า เพราะเรานำการโคจรของดาวมาพยากรณ์เหตุการณ์บนโลก ดังนั้น ความเห็นเกือบทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้ รวมถึงในความเห็นที่ 1 ตั้งอยู่บนระบบ Geocentric (โลกเป็นศูนย์กลาง) ไม่ใช่ Heliocentric (ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง) ครับ

แม้แต่กาลิเลโอ ผู้ซึ่งพิสูจน์ว่าทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสถูกต้อง ก็ยังคำนวณดวงชะตาและพยากรณ์ในระบบ Geocentric ครับ (อาชีพหลักของกาลิเลโอคือ โหร นะครับ ไม่ใช่นักดาราศาสตร์)

ที่ผมบอกว่า ไม่ควรใช้คำว่า "ขึ้น" เวลาเป็นดาวประจำเมือง เพราะดาวศุกร์กำลังจะ "ตก" ที่ขอบฟ้าทางทิศตะวันตกครับ เราเห็นตอนหัวค่ำไม่นานก็จะลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกไป ถ้าเราคำนวณดวงชะตาช่วงนี้ตอนประมาณ 1 ทุ่ม- 3 ทุ่ม ที่เรามองเห็นดาวศุกร์ทางท้องฟ้าตะวันตก เราก็จะพบว่า ดาวศุกร์อยู่ในเรือนที่ 7 และพอราว 3 ทุ่มกว่า ก็จะลับขอบฟ้าไปอยู่ในเรือนที่ 6 ครับ

อย่างวันนี้  23 พ.ค. 2553 ดาวศุกร์โผล่ขึ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลา 8:03 น. และตกทางขอบฟ้าทิศตะวันตกเวลา 21:01 น. ครับ

คำเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจกลไกฟ้าได้ดีขึ้น รวมถึงเข้าใจลีลาดาวในเรือนต่างๆครับ

"..ในแง่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เราสามารถพิสูจน์ได้ในยุคนี้ เพียงแต่ช่วงนี้ไม่สามารถมองเห็นดาวศุกร์ขึ้นทางทิศตะวันออกได้.."

เห็นประโยคนี้ของคุณ L แล้วอดไม่ได้ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ เรื่องดาวศุกร์หรือดาวเคราะห์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้น ปโตเลมีเขียนเป็นตำราว่าด้วยการคำนวณดวงดาวตั้งแต่ ศตวรรษที่ 2 แล้วครับ ว่า ดาวศุกร์หรือดาวเคราะห์ดวงอื่นมีการโคจรอย่างไร จะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออกตอนกี่โมง (แม้ว่าจะมองไม่เห็น) และจะตกทางทิศตะวันตกตอนกี่โมง ไม่ได้เพิ่งมาสามารถพิสูจน์ได้ในยุคนี้หรอกครับ คำนวณและพิสูจน์ตั้งแต่ยุคโบราณแล้วครับ ตั้งแต่สมัยที่คำนวณดวงชะตาหาลัคนาได้นั่นล่ะครับ

เรื่องดาราศาสตร์ของคุณ L นั้น ผมจนใจจะคุยด้วยแล้วครับ ตรรกะของคุณ L คงแตกต่างจากผมและคนที่ผมรู้จักในวงการดาราศาสตร์มากจริงๆ

สำหรับท่านอื่น ช่วงนี้ดาวศุกร์ยังคงเป็นดาวประจำเมือง ปรากฏทางทิศตะวันตกตอนหัวค่ำอยู่นะครับ ความสว่างเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว และยังคงโคจรจากกลุ่มดาวคนคู่เข้าสู่กลุ่มดาวปู ต่อเนื่องไปยังกลุ่มดาวสิงโตตอนสิ้นเดือน อัตราโคจรจะชะลอจากเดือน พ.ค.เล็กน้อยอยู่ที่วันละ 1 องศา 10 ลิบดา และจะชะลอลงเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดนิ่งในวันที่ 8 ต.ค. จากนั้นก็จะโคจรถอยหลังจนถึง 19 พ.ย. จึงเดินหน้าอีกครั้ง

เรื่องไวน์ ผมเคยลอง Mouton Cadet แล้ว แต่ไม่ค่อยชอบ รสชาติมันไม่เต็มที่ จะเป็นไวน์โลกเก่าก็ไม่ใช่ จะเป็นไวน์โลกใหม่ก็ไม่เชิง ถ้าให้เลือกไวน์ราคานั้น คงเลือกไวน์โลกใหม่ไปเลยดีกว่า ที่สำคัญไวน์รสชาติดีจะอร่อยขึ้นเมื่อมีอาหารและเพื่อนฝูงดีๆมาร่วมวงครับ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีบรรยากาศเช่นนั้น ไวน์ดี อาหารอร่อย ในวงญาติพี่น้อง ท่ามกลางการสนทนาที่ออกรส และมีความสุขมากครับ

ส่วนประโยคท้าย อ่านตอนแรกไม่เข้าใจครับ ถ้าจะสอนธรรมะเรื่องโลกธรรม ๘ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ก็ดูไม่ค่อยเข้ากับกระทู้นี้เท่าไหร่ แต่เท่าที่ติดตามความเห็นคุณ L ตลอด ก็พอเดาได้ว่าอยากพูดเรื่องการเมือง (ที่ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี) เต็มที ถ้าเป็นเรื่องการเมืองจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะยึดติดกับโลกธรรมที่ว่า เพราะแม้ว่าจะได้รับเป็นพิเศษมาตั้งแต่ปลายปี "51 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสื่อมลงแต่อย่างใด :) เขาก็วางแผนถึงวันที่ไม่ได้เล่นการเมืองอยู่เสมอ เลิกเล่นการเมืองเมื่อไร ญาติพี่น้องคงมีความสุขมากขึ้น แต่วันนี้ มีหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ความสุขอยู่ที่การทำหน้าที่ครับ ไม่ได้อยู่ที่ลาภ ยศ สรรเสริญ และต้องไม่มองตำแหน่งหน้าที่เป็นสมบัติ เพราะมันไม่ใช่สมบัติ มันคือภาระหน้าที่ ถ้าตีไม่แตกก็ไม่ควรมารับใช้ประชาชนครับ

คุณ L และ คุณ Pallas ครับ

ปรากฏการณ์ ดาวศุกร์ ขึ้นทางทิศตะวันตก และตกทางทิศตะวันออกมีจริงนะครับ ภาษาอังกฤษ รู้สึกจะเขียนว่า helio rising กับ setting นี่ละครับ (อาจเขียนผิดลองไปหานะครับ) ฮั่นแน่! ไม่เชื่อใช่ไหม ต้องขอบอกก่อนนะครับ การดูดาวนั่นด้วยตาจะเห็นดาวเคลื่อนก็ต่อเมื่อ เราดูสถานที่เดิม เวลาสังเกตเดิม(ของวันใหม่) นะครับ

ดาวศุกร์หรือพุธ ทางดาราศาสตร์เป็นพระเคราะห์วงใน หากมองจากโลกไป โดยตาเราไม่โดนกลบด้วยแสงอาทิตย์ เราจะเห็นวงแหวน 2 วง ล้อมดวงอาทิตย์อยู่นะครับ วงรอบของพุธด้วยมุมจากดวงอาทิตย์ สังเกตได้จากโลก ด้วยโลกบัง คือยามเช้ายามเย็น เราจะเห็นว่าวงรอบนี้ไม่เกิด 24 องศามั้งครับ แล้วของศุกร์ก็เช่นกัน 48 องศา

แล้วที่นี่ลองดูวงรอบ นะครับ เอาดาวศุกร์นะครับ(พุธก็ได้) วงแหวนมีขึ้นมีลงนะครับ ลองดูซิครับ ตอนเช้าหรือเย็น โลกจะบังแสงจากอาทิตย์เราจะเห็นวงรอบของดาวทั้งสองดวงนั้น วงรอบมีขึ้นและลงได้นะครับ

บางทีบางช่วง หากเราสังเกตช่วงเย็น(อีกกรณีช่วงเช้า) พอพระอาทิตย์ลับแสงดาวศุกร์ที่ปรากฏจะคล้ายกำลังขึ้นมาทางทิศตะวันออก (สังเกตหลายๆ วัน) และบางทีก็กำลังตกลงทางทิศตะวันตก

กรณี ตอนเช้าก็เช่นกัน

ขอแก้นิดนึงครับ

บางทีบางช่วง หากเราสังเกตช่วงเย็น(อีกกรณีช่วงเช้า) พอพระอาทิตย์ลับแสงดาวศุกร์ที่ปรากฏจะคล้ายกำลังขึ้นมาทางทิศตะวันออก (สังเกตหลายๆ วัน) และบางทีก็กำลังตกลงทางทิศตะวันตก

== >

บางทีบางช่วง หากเราสังเกตช่วงเย็น(อีกกรณีช่วงเช้า) พอพระอาทิตย์ลับแสงดาวศุกร์ที่ปรากฏจะคล้ายกำลังขึ้นจากทางทิศตะวันตกมุ่งไปสู่ทิศตะวันออก (สังเกตหลายๆ วัน) และบางทีก็กำลังตกลงทางทิศตะวันตก

อ่านความเห็นคุณหนูน้อยหลายรอบก็ยังไม่เข้าใจอยู่ครับ เลยต้องตั้งคำถามกลับ

ดาวศุกร์ (และดาวพุธ) มีวงแหวนหรือครับ? แล้ววงแหวนนี้ทำไมไปล้อมรอบดวงอาทิตย์ล่ะครับ? (จากประโยคที่ว่า "เห็นวงแหวน 2 วง ล้อมดวงอาทิตย์อยู่"  และ

ทำไมตอนแรกใช้วงแหวน แต่ประโยคต่อมากลายเป็นวงรอบครับ?

ที่ว่าวงรอบของดาวพุธไม่เกิน 24 องศา ดาวศุกร์ไม่เกิน 48 องศา คุณหนูน้อยหมายถึงเรื่อง Maximum Elongation (มุมมากสุดระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวดวงนั้น เมื่อมองจากโลก) หรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ เราก็พูดง่ายๆเป็นภาษาโหรได้ว่า (เพราะโหรใช้มุมมองจากโลกอยู่แล้ว) ดาวพุธจะห่างจากอาทิตย์ไม่เกิน 28 องศา ส่วนดาวศุกร์จะไม่เกิน 48 องศา แต่ถ้าเป็น elongation แล้ว ก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับวงรอบ เพราะมุมระหว่างอาทิตย์กับศุกร์ก็ผันแปรไปตามอัตราโคจรของดาวทั้งสอง แต่อยู่ระหว่าง 0-48 องศาเท่านั้น

คราวนี้ พอบอกว่า "วงแหวนมีขึ้นมีลงนะครับ" ผมเลยงงว่า เรากำลังพูดถึงวงแหวนรอบดาวศุกร์ หรือ วงโคจรของดาวศุกร์ หรือมุมระหว่างอาทิตย์กับศุกร์กันแน่

อีกประโยคบอกว่า "ตอนเช้าหรือเย็น โลกจะบังแสงจากอาทิตย์ เราจะเห็นวงรอบของดาวทั้งสองดวงนั้น" ทำให้งงเข้าไปอีกว่า ตกลงเรามองเห็นวงรอบ (ไม่น่ามองเห็นเพราะไม่ใช่วัตถุ) วงแหวน (ผมจำได้ว่าดาวพุธและศุกร์ไม่มีวงแหวน) หรือ เรามองเห็นดาวจริงๆกันแน่

ย่อหน้ารองสุดท้าย ที่บอกว่า "หากเราสังเกตช่วงเย็น(อีกกรณีช่วงเช้า) พอพระอาทิตย์ลับแสงดาวศุกร์ที่ปรากฏจะคล้ายกำลังขึ้นจากทางทิศตะวันตกมุ่งไปสู่ทิศตะวันออก" อันนี้อ่านแล้วสับสนครับ เอาเป็นว่า ในแต่ละวัน กรณีเป็นดาวประจำเมือง (Evening Star) เราจะเห็นดาวศุกร์ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันตกแต่ยังอยู่สูงกว่าขอบฟ้า และหากเรานั่งมองไปเรื่อยๆ เราจะเห็นดาวศุกร์ค่อยๆตกลงไปทางทิศตะว้นตกจนลับขอบฟ้าไป ไม่มีทางที่เราจะเห็นดาวศุกร์ตอนค่ำค่อยๆขึ้นจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกเลย

แต่ผมสันนิษฐานว่า คุณหนูน้อยกำลังจะบอกว่า หากเราตั้งกล้องถ่ายรูปที่เดิม ถ่ายทุกวันในเวลาเดียวกัน เช่นถ่ายตอน 20:00 น. แล้วนำภาพมาซ้อนกัน เราอาจมองเห็นว่า ดาวศุกร์ปรากฏสูงกว่าวันก่อนๆ คล้ายกับว่ากำลังเคลื่อนถอยสูงขึ้นมา แต่ผมคิดว่า เราไม่สามารถพูดได้ว่าขึ้นจากตะวันตกมุ่งไปตะวันออกครับ เพราะทุกกรณีดาวศุกร์จะปรากฏทางทิศตะวันตกตอนค่ำเสมอ ความต่างที่ว่านั้นเป็นเพียงมุมเงยจากขอบฟ้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนจากทิศตะวันตกไปสู่ทิศตะวันออกแต่ประการใด

ผมยกตัวอย่างของจริงเลยมั้ยครับ จะได้เห็นภาพชัดเจน เรานำตำแหน่งดาวศุกร์เทียบกับขอบฟ้า (เส้นแบ่งเรือนที่ 7) ของแต่ละวัน เวลา 20:00 น. มาเทียบกันดู พบว่า

 8 มิ.ย. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 17 องศา 24 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7
15 มิ.ย. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 19 องศา 09 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 ปรากฏสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
22 มิ.ย. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 20 องศา 39 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 สูงขึ้น
29 มิ.ย. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 21 องศา 56 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 สูงขึ้น
6 ก.ค. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 22 องศา 55 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 สูงขึ้น
13 ก.ค. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 23 องศา 33 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 สูงขึ้น
20 ก.ค. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 23 องศา 51 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 สูงขึ้น
27 ก.ค. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 23 องศา 44 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 เริ่มปรากฏต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าแล้ว
3 ส.ค. 53 ดาวศุกร์สูงจากขอบฟ้า 23 องศา 15 ลิบดา อยู่เรือนที่ 7 ต่ำลงจากสัปดาห์ก่อน

จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่วันนี้จนถึงปลาย ก.ค. ดาวศุกร์ตอน 2 ทุ่มจะปรากฏสูงขึ้นกว่าวันก่อนทีละน้อย หลังจากนั้นจะเริ่มปรากฏต่ำกว่าวันก่อนทีละน้อยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นวันไหน ดาวศุกร์ก็อยู่ในเรือนที่ 7 ซึ่งก็คือทิศตะวันตกเสมอ

สรุปความว่า ผมยังยืนยันว่า ไม่มีปรากฏการณ์ดาวศุกร์ขึ้นทางทิศตะวันตก ตกทางทิศตะวันออก แน่นอนครับ

คุณ Pallas และ คุณ โรจน์

ผมเขียนอธิบายไปแล้วก็นึกไปก็เลยเขียนอธิบายไม่สอดคล้อง ผมต้องมาพะวงกับ บรรทัดที่เขียนในแสดงความคิดเห็นเวลาลบหรือเพิ่มเข้าไป ตัว มันกะอยาก (ไม่รู้เครื่องคอมพ์คุณๆ เป็นหรือเปล่า หรือเป็นที่เครื่องคอมพ์ผม)

ขอเอาตามที่คุณ Pallas ท้วงติงมานะครับ เรื่อง "วงแหวน" ใช่ครับ ผมเขียนผิด แท้จริงนั่งพิมพ์ไปแล้วลืมตรวจ แท้จริงจะบอกว่าคือ เส้นทางการเดินรอบดวงอาทิตย์ของดาวทั้งสองนะครับ  โลกเราอยู่เป็นดวงที่ 3 ณ.มุมนี้เราจึงมองเห็นหากบันทึกทั้งปี เราจะได้เห็นชัดๆ ว่ามี 2วงรอบ คือ วงรอบของพุธ และศุกร์ อันนี้ต้องคิดก่อนว่าเราเป็นโลกแล้วมองไปตรงๆ ไม่คิดเรื่องแสงอาทิตย์ทำให้ตาเรามองไม่เห็นนะครับ

การสังเกตปรากฏการณ์ของคนโบราณ เราก็ใช้โลกหรือราหู มา eclipse ได้สองช่วง คนเราไม่ค่อยคิดกันว่า ช่วงสายัณ และสนธยา ทำไมคนโบราณเขาเรียกว่ายามราหู ก็เพราะโลกเราเป็นตัวบังแสงจากอาทิตย์ให้เราสังเกตครับ

เอาละครับทีนี้เรามาลองมองดู แบบตาเปล่า คนโบราณ เราจะพบ สมมติว่า กรณีที่ ดาวศุกร์ เราเห็นตอนพระอาทิตย์ตกดิน

คุณๆ ก็รู้ว่า ดาวศุกร์ เมื่อเคลื่อนที่สัมพัทธ์กับโลกเรานั้น เราจะเห็น ได้ทั้ง เดินหน้า ถอยหลัง มนท์

ก็ลองคิดดูซิครับ ตอนเย็นที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดาวศุกร์ที่เราเห็น นั้น หากทำแบบนี้ตลอดปี เราจะได้เส้นทางการเดินของดาวศุกร์ มีทิศขึ้นไปจนถึงราว 48 องศา แล้วค่อยย้อนกลับมาลงดิน (ดูเส้นทางโคจรนะครับ) พอหลังจากวันที่ศุกร์ทับผ่านดวงอาทิตย์แล้ว ก็จะมาทางทิศตะวันออกครับ ตอนขึ้นอีก 48 องศา แล้วค่อยๆ ย้อนทางตกลงมา

เข้าใจความหมายไหมครับ

เป็นการคิดแบบสัมพัทธ์นะครับ

ส่วนปรากฏ ภาษาอังกฤษ เขาเขียนว่า heliacal rising  กับ setting ครับ หากเป็นดาวฤกษ์อย่างซิริอุส  ก็คงดูตอนที่ปรากฏตรงตอนเช้าอะไรนี่ไงครับ ของอียิปต์

แต่ดาวเคราะห์มันมี การโคจรสัมพัทธ์ ทำให้เราหากสังเกตจะพบ เดินหน้า ถอยหลังไงครับ

คุณๆ อาจจะอ่าน แล้วเห็นผมพิมพ์ตกๆ หล่นๆ มาก เพราะขี้เกียจแก้ แก้ยากมาก เขียน ผิดไป เอาแค่ใจความนะครับ

โลกหมุนด้วยกฏมือขวา ฟ้าโอบอุ้มหมุนด้วยกฏมือซ้าย  ดินฟ้าเวลาดาว  กาละ-เทศะ

--- หลังพิมพ์เสร็จ(แต่อักษรที่ผิดไม่ได้แก้นะครับ) ก็พยายามไปอ่าน ที่คุณ Pallas เขียน นั่นละครับ ตอนท้ายๆ คุณพิสูจน์ได้ถูกต้องแล้วครับ ปรากฏการ Heliacal ... หากเราดูดาวฤกษ์ มันก็จะเป็นไปตามกลไกของฟ้านะครับ หรือ เป็นไปตามโลกหมุนรอบตัวเองเกิดกลางวันกลางคืน

เหนื่อย....

หรือเอาง่ายๆ นะครับ คุณยืนเฉยดูพระอาทิตย์ตกดิน แล้วให้คนเดินไปยืนตรงตำแหน่ง เส้นลับขอบฟ้า แล้วโยนก้อนหิน ขึ้นฟ้าในแนวดิ่ง คุณจะเห็นการโคจรของดาวเคราะห์วงใน ศุกร์ (โดยเปรียบเทียบ) ราวๆ ครึ่งรอบ

แล้วไปทำต่อทางทิศตะวันออกได้อีกครึ่งรอบครับ

ตอบ คุณโรจน์ ด้วยครับ

คือว่า คนสอนให้ผมไปหาปรากฏการณ์นี้ ก็คือ อ.อารี นะครับ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจแปลกๆ

คือ มันออกจะเป็นปรัชญาซะหน่อย แต่คุณโรจน์ คงเข้าใจได้ไม่ยาก เพียงแต่ตอนนี้คุณโรจน์มองเพียงชั้นเดียวนะครับ

เรียนคุณหนูน้อยครับ พวกเราก็เรียนมาสำนักเดียวกันนั้นแหละครับ

พวกผมเข้าใจคุณหนูน้อยที่พยายามอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว(ตั้งแต่แรกแล้ว)นะครับ เพียงแต่ว่ามันคนละมิติ กับเคสในกระทู้นี้ และจะทำให้คนอื่นๆสับสนกันไปใหญ่

ถ้าอ่านตามตลอด จะเข้าใจว่าเรื่องง่ายๆ ที่คุณ Pallas ชี้แจงมานั้น เป็นปรากฏการณ์พื้นฐานทั่วไป ดาวขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก

ไม่ว่าดาวโคจรเดินหน้า หรือถอยหลัง หรือปรากฏการณ์โคจรแบบสัมพัทธ์อย่างที่คุณหนูน้อยอธิบายมานั้น ถ้าผมนั่งดูดาวทั้งคืน ไม่ว่าดาวอะไรก็ตามก็ขึ้นทางทิศตะวันออก และจะตกทางทิศตะวันตกอยู่ดี...ปรากฏการณ์นี้คงไม่ต้องพิสูจน์มั้งครับ

ไม่ทราบว่าคุณหนูน้อยจะให้ผมมองกี่ชั้นกันล่ะครับ  อ่านไปอ่านมามันเหมือนจะเปรียบเทียบได้กับเรื่องหนึ่งที่ผมเคยเอามาเล่าไว้ในเว็บบอร์ดเก่าของผมเองว่า  รัฐบาลสหรัฐฯ อุตส่าทุ่มทุนศึกษาหาวิธีผลิตปากกาสำหรับให้นักบินอวกาศเขียนในสุญญากาศกันแทบเป็นแทบตาย  ทางสหายรัสเซียแกให้มนุษย์อวกาศใช้ดินสอแทนปากกา  แล้ว เราจะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากหรือทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย?

เรียน คุณ phaino

ครับ ที่ผมพยายามสื่อ คงเป็นคนละมิติกันจริงๆ ครับ

เรียน คุณโรจน์

ไม่เป็นไร ครับมองจะกี่ชั้นก็มองไป ผมเพียงเปรียบเทียบเท่านั้นเองครับ แล้วที่เขียนมาทั้งหมดนี่ผมเขียนสนุกๆ  เพื่อเอามาบอก เผื่อเอาไปอำคนเล่นๆ นะครับ ว่า "เชื่อไม มีดาวที่ขึ้นทางตะวันตก และตกทางทิศตะวันออกด้วย " คุณโรจน์อาจจะนึกว่าผมมาแกล้งทำให้สับสนต้องขอโทษด้วยครับ 

ขอเข้ามาร่วมแสดงความเห็นด้วยการสนับสนุนอีก 1 เสียงครับ ว่าดาวทุกดวงขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกแน่ๆ (และย้ำว่า ทุกดวงครับ) มีเหตุผลที่ผมอยากเสนอให้คุณหนูน้อยคิดตาม 2 ข้อครับ...

1) โลกหมุนด้วยกฏมือขวา ฟ้าแม้จะเคลื่อนที่ช้าๆเสมือนอยู่กับที่ก็เลยต้องหมุนด้วยกฏมือซ้าย หากจะมีดาวไหนขึ้นทางทิศตะวันตก แล้วไปตกทางทิศตะวันออกได้จริง ก็คงต้องเป็นดาวที่มีวงโคจรรอบโลกที่ไปด้วยกฏมือขวาเหมือนกัน และต้องหมุนครบรอบได้เร็วกว่าที่โลกจะหมุนรอบตัวเองด้วย ซึ่งขณะนี้ไม่มีดาวไหนเป็นแบบนี้นี่ครับ

แล้วสิ่งที่คุณหนูน้อยเห็นคืออะไร? สำหรับสิ่งที่คุณหนูน้อยเห็นนั้น คงหมายถึงเมื่อคุณสังเกตเห็นด้วยตาเปล่าตอนเย็นๆของทุกวันว่า ตอนที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้นมีดาวศุกร์ของเย็นวาน อยู่ต่ำกว่าดาวศุกร์ที่เห็นในวันนี้ และวันพรุ่งนี้มาดูก็เห็นว่าดาวศุกร์อยู่สูงขึ้นไปอีก อย่างนี้ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ล่ะก็ต้องบอกว่า สิ่งที่คุณเห็นนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าดาวศุกร์โคจรจากทิศตะวันตก ไปตกทางทิศตะวันออกหรอกนะครับ เพราะหากคุณดูต่อจากนั้นไปเรื่อยๆ จะพบว่ายังไงดาวมันก็จะตกไปทางทิศตะวันตก เพื่อไปขึ้นมาใหม่จากทิศตะวันออกในวันต่อมาไงครับ ดังนั้นเราจะสรุปเอาสิ่งที่เห็นนี้ว่าดาวศุกร์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วไปตกทางทิศตะวันออกยังไม่ได้ เพราะคุณหนูน้อยไม่ได้เฝ้าดูมันไปตลอดจนโคจรมาครบรอบอีกครั้งนี่ครับ

ทีนี้หากใครคนอื่นอยากพิสูจน์ จะดูกันจริงๆ ก็อาจจะมีคำถามว่า "แล้วจะดูยังไงล่ะให้ครบวงโคจรล่ะ เพราะช่วงกลางวันแสงอาทิตย์มันจ้าไปหมด มองไม่เห็นนี่นา" ผมก็ขอแนะนำให้ลองใช้ซอฟต์แวร์โหราศาสตร์/ดาราศาสตร์ ค่อยๆ plot ดูความแตกต่างไปครับว่าดาวศุกร์อยู่ที่ไหน ดูมันโคจรไปเรื่อยก็จะครบได้เองโดยไม่เมื่อคอ และไม่แสบตาครับแถมยังประหยัดเวลาได้อีกด้วย

เรียน พี่ๆโหรอีกครั้งนะครับ

ผม เคย ถามว่า ที่เคยได้ยินว่า ปัจจัยเดียว แรงก่าศูนย์รังสี  ศูนย์รังสืแรงกว่าจุดอิทธิพล"

ก็ได้คำตอบจากพี่ๆมากมาย ในเวปเก่า ที่อยู่ในนี้นั้นแหละ แต่ อาจจะเป็นเพราะผม ไม่ได้ระบุว่า ถามในมุมเดียวกัน 45 , 90 , 180 , 360(0) องศา ครับ

ขอคำตอบอีกครั้งนะครับ ในมุมเดียวกันขอบคุณมากครับ

ขอโทษครับ  จากความเห็นที่ 22 ถามผิดที่ครับ

ไปตั้งกระทู้ใหม่แล้วครับ  ขอโทษนะครับ พีๆๆ

ถ้าดูด้วยปัญญาตอนหัวค่ำ จะเห็นว่า ดาวมฤตยูหรือดาวยูเรนัส จะอยู่ทางฟ้าซีกตะวันออก แต่ยังอยู่ใต้ขอบฟ้า กว่าจะโผล่ขึ้นขอบฟ้าก็ประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ดังนั้น หากเราต้องการมองเห็นด้วยตาเนื้อ ก็ต้องใช้กล้องดูดาว และมองก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่าง ซึ่งจะมองเห็นใกล้กับดาวพฤหัส

พูดให้ชัดคือ ตำแหน่งของดาวมฤตยูนั้น จะอยู่ตรงข้ามกับดาวเสาร์ ศุกร์ อังคาร ดาวสามดวงที่คุณ L กล่าวถึง

ผมเขียนตรงนี้ เพื่อย้ำอีกครั้งว่า ดาราศาสตร์ของคุณ L ผิดเพี้ยนไปจากปรากฏการณ์บนท้องฟ้าจริง จึงไม่อยากให้ผู้ที่อ่านกระทู้นี้เข้าใจผิดตามคุณ L ไปด้วยนะครับ

คำขวัญประจำค่ำคืน "เมาไวน์แต่อย่าเมาฟ้า"

เมื่อวันที8มีนาคม 2560 ผมสุริยน ละม้าย อยู่บ้านคลองชล อในาน้อย จังหวัด น่านประมาร 3 ทุ่มผมสังเกตุบนท้องฟ้าเห็นดาวดวงใหญ่ มองด้วยตาเปล่า ดูเหมือนจะมีดาวบริวาณล้อมรอบ และมีอีกดาวดวงใหญ่ ช้อนกัน 6 ดวง

 เข้ามาเก็บข้อมูล