เข้าใจอย่างนั้นถูกต้องแล้วครับ

เราอ่านดวงทินวรรษ ประหนึ่งว่าเป็นดวงชะตาของเจ้าชะตากก่อนได้เลย อันหนึ่ง โดยมีผลระยะ 1 ปี (อาทิตย์โคจรครบ 1 รอบ) อันนี้ใช้ปรัชญาการครบวงรอบของดาว ซึ่งสามารถใช้กับดวง Lunar Return ได้ด้วย ก็จะมีผลในระยะ 1 เดือน โดยประมาณ

ในดวงสงกรานต์ ดวงอมาวสี ดวงไตรมาส เราก็อ่านดวงชะตาออกมาได้เหมือนกันครับ แต่เหตุการณ์ที่ได้ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมนั้นโดยรวม ขึ้นอยู่กับว่าเราคำนวน ณ ตำแหน่งหน ตำบลใด เพราะว่าไม่ได้เกี่ยวกับเฉพาะบุคคลใดเป็นพิเศษ ถูกไหมครับ ดังนั้นถ้าคำนวนดวง ณ กรุงเทพ ดวงชะตานั้นก็จะหมายถึงสถานการณ์ของกรุงเทพ หรือประเทศไทย (เพราะกรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย) ในรอบนั้น

การอ่านดาวจร บนเรือนชะตากำเนิด อันนี้มีความหมายประมาณว่า มีเรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นจะมากระทบกับเจ้าชะตาบ้าง

อ่านดาวกำเนิด บนเรือนชะตาจร(ที่สำคัญ เช่นทินวรรษ สงกรานต์ ไตรมาส อมาวสี lunar return) อันนี้มีความหมายประมาณว่า เจ้าชะตาจะเป็นอย่างไปบ้างในสถานการณ์ในรอบนั้น

อธิบายแล้วก็อาจจะงงๆ นิดหน่อย หลักการมันอยู่ที่ว่าเรื่องเรือนชะตา เปรียบเสมือนการบอกเรื่องราว หรือเหตุการณ์ ต่างๆของดวงชะตา

ดังนั้นถ้าเราตั้งเรือนชะตาของใคร เราก็จะได้สถานการณ์หรือเรื่องราวของคนนั้น(A) เมื่อเราเอาดาวของดวงจร หรือของใครก็ตาม(B) ก็จะหมายถึงการนำเรื่องหนึ่ง เหตุการณ์หนึ่ง (B) มาขยายบนเรื่องราวของดวงชะตาของคนนั้น หรือดวงนั้น(A)

ในทำนองเดียวกันนี้ เราก็สามารถตั้งเอาเรือนชะตาของดวงจร หรือคนอื่นเป็นหลัก (B) ก่อน แล้วค่อยลงไปเอาดาว หรือปัจจัยของเรา (A) ใส่ลงไปได้เช่นกันครับ เพื่อดูว่าเรา(A) เป็นอย่างไรบ้างบนดวงชะตานั้น(B)

เขียนจบแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้ว่าผมจะทำให้คุณงงกว่าเดิมหรือเปล่า