กระทู้นี้ ผมคัดลอกมาจากกระทู้หนึ่งที่ผมเขียนไว้ และคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับ พ่อแม่ ผู้ปกครองในช่วงที่ลูกกำลังจะต้องเลือกเรียนต่อ การสอบเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย จากประสบการณ์ที่พบเห็นมาหลายปี พบว่า สิ่งที่พ่อแม่อยากได้นั้น ไม่ทุกคนที่ประสบผลตามที่ต้องการ หลายครอบครัว ลูกต้องไปสอบเข้าเรียนในสาขาวิชาที่ลูกต้องการหลังจากที่เสียเวลาทำตามใจพ่อแม่ไปแล้ว 1-3 ปี ทำให้ลูกต้องมาเริ่มต้นใหม่ แต่ถึงแม้ลูกจะเริ่มต้นใหม่ก็จริงแต่ก็ยังได้ประโยชน์ 2 กรณี คือ 

1. พ่อแม่จะได้บทเรียนในกรณีที่ไม่ดึงดันจะให้ลูกต้องทนทุกข์ทรมานเรียนในสาขาที่ไม่ถนัด 

2. ตัวลูก จะได้ประสบการณ์การเรียน หรือทำในสิ่งที่ต้องเองไม่ถนัด หรือไม่ต้องการ และได้เรียนรู้ว่า การที่ต้องถูกบังคับด้วยความรัก และยังได้ความรู้อีกสาขาหนึ่งที่แม้ว่า จะนำไปใช้ประโยชน์โดยตรงไม่ได้ แต่จะเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิตการทำงานในอนาคตได้ เช่น เด็กที่ต้องเลือกเรียนวิศวโยธา แต่ไปไม่รอด เพราะชอบวิศวไฟฟ้า จึงผันมาเรียนวิศวไฟฟ้าตามที่ต้องการ แต่ช่วงที่เข้าเรียนวิศวโยธาไปนั้น จะได้ความรู้วิศวโยธาเป็นส่วนหนึ่งของความรู้และความคิดเวลาที่ไปทำงานได้ ................ 

.............. กรณีเช่นนี้ ผมเจอมาหลายคน ความเห็นของผมนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นที่เจ้าของกระทู้ แต่มีเจตนาที่อยากเห็นผู้เป็นพ่อแม่ ทำใจให้สงบ อย่าดิ้นรนในสิ่งที่อาจจะเป็นผลร้ายต่อครอบครัวโดยไม่รู้ตัว จากประสบการณ์ของผม หลายครอบครัที่พ่อแม่ ตั้งใจอย่างมากที่ต้องการให้ลูกเป็นหรือทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะ

1. ความผิดหวังในอดีตของตนเองที่ไม่สามารถเรียนหรือทำในสิ่งที่ตนคาดหวังได้ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจ (แรงกดดัน) ไปสู่ลูกเพื่อให้ลูกทำ หรือเป็น เพื่อชดเชยในสิ่งที่ตนเองยังทำไม่สำเร็จ

2. ความคาดหวังจากความเชื่อที่ว่า การที่ลูกทำคะแนนได้ดีนั้น จะสามารถเลือกอะไรก็ได้ที่อยากได้ แต่อย่าบลืมถามลูกด้วยว่า จริงๆแล้วอยากเรียนอะไร หรือโตขึ้นอยากเป็นอะไร การเรียนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของช่วงหนึ่งของชีวิต หลายคนเรียนเพื่อสนองความต้องการของพ่อแม่ แต่พอเรียนจบมาแล้ว หรือบางคนต้องเลิกเรียน และกลับไปเอนทรานซ์ใหม่ เพื่อเลือกเรียนที่ตนเองสามารถเรียนไปได้จริงๆ

ผู้ที่น่าเป็นห่วงคือ พ่อและแม่ ที่กังวลมากเกินไป และคิดที่จะกำหนดกรอบชีวิตให้แก่ลูก โดยใช้ความคิดของตนเองเป็นตัวกำหนด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นแรงกดดัน และความกดดันต่อลูก หลายครอบครัวที่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่อาจจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมของครอบครัว

การเที่ยวดูดวงตามอินเตอร์เนทนั้น ไม่มีใครบอกได้หรอกว่า ความถูกต้องมีมากเพียงใด หลายครอบครัวได้คำตอบที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เพราะคุณไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่า ผู้ที่มาตอบกระทู้หรือให้ความเห็นเหล่านั้น เป็นผู้รู้จริงหรือไม่ ที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้เจตนาจะสบประมาทผู้ใด แต่มันเป็นข้อเท็จจริง เพราะการที่คุณเจ้าของกระทู้มาดูดวงในเวบต่างๆ ยิ่งหลายๆเวบด้วยแล้ว โอกาสที่จะได้คำตอบคลาดเคลื่อนและแตกต่างกันมาก และจะกลายเป็นปมประเด็นใหม่ที่ทำให้ผู้ถามต้องเก็บไปคิดมากอีก

ประเมินจากการตั้งคำถามเช่นนี้ แสดงว่า เจ้าของกระทู้เป็นคนที่ซีเรียสมาก และมักที่จะสร้างข้อกำหนด เงื่อนไขกับผู้คนรอบข้าง กรณีเช่นนี้ โดยหลักการแล้ว ควรรู้ข้อมูลน้อย ดึกว่ารู้ข้อมูลมาก

โดยหลักปรัชญาแล้ว มนุษย์เรานั้นจะดำเนินชีวิตเหมือนเช่นที่ คนในครอบครัวเคยเป็น เช่น ครอบครัวที่เป็นทหาร ก็มักจะมีทายาทเป็นทหาร ครอบครัวที่เป็นแพทย์ ก็มักที่จะมีลูกหลานเป็นแพทย์ หรือมีอาชีพสอดคล้องตามหลักปรัชญา ซึ่งนักโหราศาสตร์ หรือผู้ที่เข้าใจหลักปรัชญาจะสามารถอธิบายได้ว่ามีอะไรบ้าง

คำตอบอาจจะไม่ถูกใจ แต่ผมตอบด้วยความจริงใจ และไม่อยากเห็นใครผิดหวังจากสิ่งที่ไม่น่าหวัง

ให้ลูกทำในสิ่งที่เขาอยากเป็นให้ดีที่สุด แล้วเขาจะได้สิ่งที่ดีที่สุดครับ