ยูเรเนียน ที่จริงคือ technique of hamburg school สามารถอ่านดวงได้ละเอียด รวดเร็ว เชื่อถือได้ โดยมีวิธีการอ่าน การใช้เฉพาะตัว โดยไม่ต้องใช้เรื่องตำแหน่งมาตราฐาน อุจ ประ นิจ ฯ แต่ถ้าถือว่า โหราศาสตร์มีเพียงวิชาเดียว ทุกๆอย่างก็นำมาใช้ร่วมกันได้ครับ 

ในระบบโหราศาสตร์คลาสิก เรื่องตำแหน่ง เกษตร ประ อุจ ประ นิจ ก็มีใช้กันอยู่ครับ จริงๆแล้วก็มาจากความหมายของดาว และ ราศี นั้นเอง

อ.ประยูร พลอารีย์ เคยนำเสนอ "ทฤษฎีดาวเด่นในดวงชะตา" ในหนังสือทฤษฎีการพยากรณ์ น่าจะสามารถตอบคำถามเจ้าของกระทู้ได้

จริงๆแล้วรายละเอียดมีเยอะมาก อยากให้ลองหาอ่านดูนะครับ มีประโยชน์มาก สามารถใช้ได้ทั้งระบบสายนะ และนิรายนะ

ตัวอย่างที่เราใช้กันบ่อยๆ คือ ทฤษฎีดาวสันโดษ และดาวที่สถิตในเรือนเกณฑ์ (1-4-7-10)

การนำไปใช้ก็ย่อมแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของการใช้แน่นอนอยู่แล้วครับ

ส่วนจาน 360 องศานั้น เรียกได้ว่าสามารถใช้ทั้งในระดับพื้นฐาน จนถึง advance เลยทีเดียว เพราะสามารถให้ความหมายทั้งด้าน เรือนชะตา และจักรราศี รวมถึงเรื่องของมุมสัมพันธ์ aspect ทุกแบบทุกชนิด ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ midpoint และ พระเคราะห์สนธิ เช่นเดียวกัน

จาน 90 กับ 22.5 นั้นใช้เทคนิคเรื่องมุมสัมพันธ์เป็นหลัก โดยเพิ่มเรื่องความความละเอียด และชัดเจนในเรื่องขององศาลงไป ไม่ใช้เทคนิคเรือนชะตา และราศี รวมถึงมุม aspect ในรูปแบบโหราศาสตร์สากลแบบอื่นในจาน 90 และ 22.5

จาน 90 คล้ายกับการ zoom มุมดาวลงไปให้เห็นง่าย และชัดขึ้น โดยที่จาน 22.5 ก็จะzoom มากลงไปกว่า จาน 90 อีก

เราสามารถหา midpoint และความสัมพันธ์ระหว่าง midpoit ได้ง่าย รวมถึงมุมความสัมพันธ์ระหว่างดาวในจำนวนเท่าของ 45 องศาได้ง่ายกว่าจาน 360 แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่อาจสามารถทราบได้ว่า midpoint ที่ได้นั้นเป็น direct หรือ indirect midpoint ซึ่งสามารถหาได้จากจาน 360 เท่านั้น (โดยทางทฤษฎีแล้ว direct midpoint เราย่อมให้ความสำคัญมากกว่า indirect midpoint)

โดยทัศนะคติของผม การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัด และความชื่นชอบของแต่ละบุคคลในการเลือกใช้มากกว่าเรื่องอื่น เพราะไม่ว่าเทคนิคใดก็ตาม การพยากรณ์ก็สมควรที่จะออกมาในทิศทางเดียวกัน