บทความนี้ ลงในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ด้วยครับ

"เขมร" รัฐบาลหุ่นเชิด ฮุนเซ็น...พระยาละแวกยุค ดิจิตอล (สกู๊ปแนวหน้า)

http://www.naewna.com/news.asp?ID=186580

คุณเปลว สีเงิน ก็ได้กล่าวถึงบทความนี้ในคอลัมน์ เปลว สีเงิน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันนี้ (10 พ.ย. 2552) ด้วย

"แล้วก็ถึงวันที่ทักษิณ"ตายจากความเป็นคน"

"..เมื่อวาน  "อาจารย์วิโรจน์  กรดนิยมชัย"  นายช่างใหญ่ผู้ชำนาญโหราศาสตร์ยูเรเนียน  ส่งบทความเกี่ยวกับฮุน  เซน  และประวัติศาสตร์กัมพูชาอันสัมพันธ์กับไทยแต่อดีตมาให้ผมศึกษา  ตื่นตา-ตื่นใจดีครับ  ท่านค้นคว้า  วัน-เดือน-ปีเกิดของฮุน  เซน  มาคำนวณตามศาสตร์ยูเรเนียน..
ผมจะให้ทางกอง  บ.ก.เขาตีพิมพ์ทั้งหมดก็ไม่ทราบว่าท่านแค่ส่งมาให้ผมศึกษา  หรือว่ายินดีให้เผยแพร่ทั้งหมด  รอฟังดูก่อนนะครับ  ถ้าอาจารย์วิโรจน์ท่านไม่ขัดข้อง  ท่านก็คงได้อ่านฉบับเต็ม"

http://www.thaipost.net/news/101109/13323

รบกวนอาจารย์ช่วยตอบคุณเปลวด้วยนะครับ :)

ลองดูอีกด้านหนึ่ง

http://thaienews.blogspot.com/2009/11/blog-post_10.html

อ่านแล้วก็สนุกดี แต่น่ากลัวมากครับถ้าเรายังมีคนทำสื่อรูปแบบคล้ายอย่างนี้ต่อไปอีก ไม่ว่าจะเขียนเข้าข้างฝ่ายใดก็ตาม

คล้ายจะเป็นความจริงแต่ไม่ใช่ พยายามเขียนเหมือนไม่เชียร์คุณทักษิณ แต่เชียร์ ส่วนโจมตีฝ่ายตรงข้ามคุณทักษิณอันนี้ชัดเจน

แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะว่า สื่อมีผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นกลุ่มชินฯ ของอดีตนายก http://www.siamturakij.com/home/news/print_news.php?news_id=2192

ถ้าผมสรุปแบบนี้ เดียวก็จะหาว่าผม discredit สื่อนี้ว่าไม่มีความเป็นกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลยสรุปประเด็นของเนื้อหาดังนี้

เริ่มต้นจะการ Discredit ของฝ่ายตรงข้ามก่อน ว่ามีอคติกับฝ่ายคุณทักษิณ จากนั้นก็บอกว่าคุณทักษิณพยายามแสดงถึงความจงรักภักดีอย่างยิ่ง แต่ถูกบิดเบือนจากสื่อตรงข้าม

ประเด็นนี้แปลกเพราะว่าและน่าสนใจเพราะว่าคุณทักษิณเป็นคนแรกที่เต้นและโวยวายว่า TimesOnline ลงผิดพลาดไม่ครบ หลังจาก TimesOnline ลงฉบับเต็ม ก็บอกว่าออกมาโวยว่าตัวเองภาษาอังกฤษไม่ดี (ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้ครับ เรียกว่าห่วยเลยดีกว่า) แต่จบท้ายว่าพลั้งปากไป (อ้าวอย่างนี้ชัดเจนว่าพูดไม่ดีสิ) และขอพระราชอภัยโทษ ผ่านวิทยุ ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นชัดเจนอีก ถึงเรื่องความจงรักภักดีและการแสดงออกคุณทักษิณ

สื่อนี้ยังบอกต่อว่า คนที่ไม่ได้อ่านฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่รู้ถึงสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งก็แปลกเพราะผมเองและอีกหลายๆคนที่อ่านแล้วก็ยังรู้สึกชัดเจนถึง การแสดงออก การวางตำแหน่งของตัวคุณทักษิณเอง และมุมมองที่คุณทักษิณ และสื่อไปยังสถาบันตั้งแต่หน้า 1-2 ของฉบับเต็มแล้วว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่สื่อนี้ไม่แปลให้คนอ่าน แปลกอีกแล้ว

กลับยกประเด็นและแปลมาเป็นส่วนๆ ส่วนประเด็นร้อนๆที่คุณทักษิณกล่าวอย่างไม่เหมาะสมอีกมากต่อมากกลับไม่ยกมา ทำให้สื่อบิดไปจากเนื้อหาทั้งหมดได้ง่าย ถ้าอย่างนี้คนที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ หาอ่านฉบับเต็มไม่ได้ หรือคนที่ชื่นชอบคุณทักษิณอยู่เดิม ก็ย่อมคล้อยตามเห็นด้วยได้ง่ายเช่นเดิม

จากนั้นเนื้อหาก็โจมตีคุณเปลว สีเงิน ต่อไป ส่วนนี้คือการ Discredit ต่อ แล้วสร้างความชอบธรรมในการปฏิเสธบทความของคุณเปลว สีเงิน

คราวนี้ลามมาถึงเนชั่น พยายาม discredit ต่อเช่นเดิม คราวนี้ลามไปถึงพ่อของคุณสุรนันท์ ประเด็นนี้แปลกดีเหมือนกันเรื่องให้เวลาฟรีกับทุกช่องให้เนชั่น ขำดีครับ หาเรื่องยกประเด็นจากรายการเชื่อมั่นกับประเทศไทย ที่คุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นพิธีกรสัมภาษณ์ ผมก็เห็นรายการนี้เปลี่ยนพิธีกรไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันสักครั้ง บ่อยหน่อยก็อ.วีระ ไม่เห็นยกประเด็นเอื้อประโยชน์ให้บริษัทอื่นบ้างเลย อย่างนี้แสดงว่าสื่อพยายามจงใจเขียนข่าวเพื่อโจมตี สร้างกระแสจากผู้ที่ไม่ได้ติดตาม หรือมีอคติกับรัฐบาล หรือผู้สนับสนุนคุณทักษิณ อ้อ อย่างนี้ไม่บิดเบือน แปลกอีกแล้ว

ผมชอบประเด็นนี้มากครับ คือ นายนิสสัย เวชชาชีวะ = ลุงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ = พ่อของนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ตอนที่พยายามเขียนข่าวเล่นคุณอภิสิทธิ์ ใช้คำว่าลุงของนายอภิสิทธิ์ ทุกครั้ง แปลกใจไม่ใช่คำว่า พ่อของนายสุรนันท์ บ้างเลย

นี้ก็ชอบ เรื่องสื่อวิทยุเนชั่น กับการซื้อสื่อของรัฐบาล คนละข่าวกันแต่เอามาพูกกันได้เนียนมาก ผมพอรู้เรื่องสื่ออยู่บ้าง ปกติเศรษฐกิจแย่ ยอดโฆษณาทีวีโต เป็นธรรมชาติของตลาดอยู่แล้ว และภาพรวมโฆษณาทีวี Oct 09 YTD โต 1.83% นะครับ และมูลค่าตลาดธุรกิจโฆษณา Oct 09 YTD -1.46% ผมหาตัวเลขของ Jun 09 ไม่เจอ แต่ที่สื่อพยายามมาเปรียบเทียบคือ การเอาโฆษณาทีวี มาเทียบกับโฆษณาวิทยุและหนังสือพิมพ์ ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วว่า ทีวีจะโตในยามที่เศรษฐกิจแย่ เพราะต้นทุนต่อผู้เห็นสื่อถูกที่สุด

ส่วนที่เหลือก็เป็นการเขียนข่าว Discredit แต่กล่าวว่าร้ายเครือเนชั่น ผู้เกี่ยวข้อง และบุคคลอื่นๆ ซึ่งผมก็ไม่เห็นประเด็นเกี่ยวกับคุณทักษิณ และการแสดงออกอ่านการให้คำสัมภาษณ์ TimesOnline ที่สื่อนี้พาดหัวข่าวเลย

จริงๆประเด็นของคำให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณยังมีอีกหลายประเด็นที่คนไทยควรคิดนะครับ เช่น

เรื่องที่มีเงินในต่างประเทศ 2-3 ร้อยล้านเหรียญในต่างประเทศ อดีตนายก หอบเงินออกไปได้อย่างไร เมื่อไร เหตุใดจริงไม่ได้แจ้งต่อ ธปท. ,กลต. หรือประชาชนตอนที่ดำรงตำแหน่ง

หรืออย่างประเด็นหลีกเลี่ยงภาษี เป็นการเลี่ยงภาษีเมื่อได้รับหุ้นในราคาต่ำกว่าตลาด ซึ่งสรรพากรถือเป็นเงินได้พึ่งประเมินนะครับ ไม่ใช่เรื่องการเสียภาษีจากขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับกรณีพนักงาน กฟผ. ได้สิทธิซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่า IPO ก็จำเป็นต้องเสียภาษีเช่นเดียวกัน อันหลังนี้สรรพากรเรียกเก็บภาษีครับ แต่กรณีอดีตนายกฯกลับไม่ต้องเสีย อดีตนายกกลับบิดประเด็นทำให้ประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเข้าใจคลาดเคลื่อน หาว่าอิจฉาคนรวย ถ้ารวยแล้วเสียภาษีผมจะไม่ว่าเลยครับ

ถ้าใครอยากเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ผมแนะนำ http://www.korbsak.com/ebook/book3.pdf ลองอ่านแล้วพิจารณาตามนะครับ อย่างพึ่งเชื่อ และอย่าพึ่งมีอคติ

สื่อจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว และน่ารังเกียจมากหากรับใช้การเมือง(ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรัฐบาล แต่หวังผลทางการเมือง) และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ การที่คนเสพข่าวที่ปราศจากข้อมูลที่ถูกต้อง และได้รับข่าวสารที่บิดเบือนเหล่านั้น

ผมได้เข้าไปอ่านบทความที่คุณ เหรียญมี 2 ด้าน โพสต์ลิ้งค์ไว้แล้ว เลยคิดว่า น่าจะแสดงความเห็นสักหน่อย เพราะไม่ต้องการให้คนอ่านบทความดังกล่าวเข้าใจว่าบทความที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเรื่องจริง

ผมยังยืนยันหลังจากอ่านบทความดังกล่าวแล้วว่า คำสัมภาษณ์ของอดีตฯนายกที่กำลังหนีคดีในต่างประเทศเป็นการจาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูง และ บทความที่คุณเหรียญมี 2 ด้าน โพสต์เอาไว้ได้บิดเบือนด้วยการแปลอย่างผิดๆโดยหวังจะให้คนให้สัมภาษณ์พ้นผิดนั่นเอง

ในบทความ ช่วงกรณีที่ 1 การแปลเนื้อหาคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯที่กำลังหนีคดีในต่างประเทศต่อ Timesonline นั้น เป็นการแปลที่บิดเบือนให้ดูเหมือนว่า มีความจงรักภักดี มีการใช้ความสามารถทางภาษาของผู้แปลบิดสาระสำคัญของคำสัมภาษณ์ ผมไม่ต้องการเผยแพร่ถ้อยคำจาบจ้วงสถาบันนั้นซ้ำ ณ ที่นี่ แต่แนะนำให้คนไทยไปอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ อาจเปิดดิกชันนารีแปลบางคำที่ไม่เข้าใจก็ได้ แต่ไม่น่าจะยากเย็นอะไรนัก เพราะอดีตนายกฯคนนั้นก็มีความรู้ภาษาอังกฤษที่ไม่ได้ดีอะไรนัก

ยกตัวอย่างประโยคสำคัญที่แปลคลาดเคลื่อนคือ กรณีที่ 1 ข้อ 2 ในบทความดังกล่าว ตรงภาษาอังกฤษในวงเล็บ ก็แปลเป็นภาษาไทยอย่างบิดเบือน เพียงแค่แปลตรงไปตรงมา ก็จะรู้ว่า อดีตนายกฯใช้คำพูดตีเสมอนั่นเอง

ส่วนเรื่องอื่นๆที่คนเขียนบทความด่าสื่ออื่นๆนั้น ผมมองว่า เป็นเรื่องการเมืองที่ผมไม่ค่อยอยากแตะ ก็ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่

สำหรับผมแล้ว ผมมีหลักในการรับฟังข้อมูลว่า เราอย่ารับฟังข้อมูลทางเดียว และเหรียญไม่ได้มีแค่ 2 ด้าน ยังมีด้านข้างอีก (รวมถึงสิ่งที่ลึกไปกว่านั้นอีกด้วย) อ่านแล้วต้องแยกแยะว่า อะไรคือข้อเท็จจริง (Fact) อะไรคือความคิดเห็น (Opinion) เช่น ข่าวสัมภาษณ์ใน Timesonline ผมมองว่า ข่าวที่เขียนต่อๆกันมาส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็น แต่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มคือข้อเท็จจริง ผมจึงต้องอ่านข้อเท็จจริงก่อน

ส่วนความคิดเห็นนั้น ผมต้องประเมินดูว่า ผู้ให้ความคิดเห็นนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ มีพื้นหลังอย่างไร มีแนวคิดหรืออุดมคติอย่างไร มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งจะประเมินได้แค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเราครับ แต่วิธีง่ายๆคือ ลองอ่านดูว่า มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือไม่ (เพราะเราอ่านข้อเท็จจริงมาแล้ว) ถ้าบิดเบือน เราก็ลดความน่าเชื่อถือลงไปแน่นอน

เมื่อรู้ตัวตนของผู้เขียนแล้ว จึงมาประเมินคุณภาพของบทความว่า มีความเป็นเหตุเป็นผลแค่ไหน มีการจับแพะชนแกะหรือไม่ วิธีหนึ่งที่ผมใช้คือ หากบทความนั้นชื่นชมหรือวิจารณ์ใคร ก็ลองสวมหมวกเป็นฝ่ายตรงข้าม ตั้งคำถามดูว่า บทความนั้นตอบคำถามได้หรือเปล่า วิธีได้ผลค่อนข้างดี

สุดท้ายและผมคิดว่าสำคัญมากคือ วิจารณ์แล้วมีข้อเสนอแนะหรือไม่ ผมค่อนข้างรำคาญกับนักวิจารณ์โดยปราศจากข้อเสนอ เพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์

ขอย้ำอีกครั้งครับว่า ผมทนไม่ได้ที่เห็นคนมาจาบจ้วงสถาบัน และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องปกป้องสถาบัน 

อย่าดึงฟ้าต่ำ...อย่าเอาของสูงมาเล่น... และอย่าผูกขาดรักสถาบันไว้ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง...พวกข้ารักสถาบันเท่านั้น คนที่ไม่ใช้พวกข้าไม่รักสถาบัน เอาอวัยวะส่วนไหนคิด...

ผมไม่รู้ว่า ความเห็นของคุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย) เกี่ยวข้องอะไรกับกระทู้นี้ 

แต่ประโยคที่ว่า อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าเอาของสูงมาเล่น และอย่าผูกขาดรักสถาบันที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผมก็ว่าก็เป็นความเห็นที่ดี แต่ ใครดึงฟ้าต่ำครับ ใครเอาของสูงมาเล่นครับ คำตอบคือ ใครไปให้สัมภาษณ์ Timesonline ล่ะครับ นักข่าวถามเรื่องเกี่ยวกับสถาบันมา ก็ตอบว่า ไม่เหมาะสมที่จะตอบเรื่องเหล่านี้ ก็สิ้นเรื่อง แต่ดันไปตอบคำถาม (หรือตกลงว่าให้ถามเรื่องนั้นอยู่แล้ว) และก็ตอบอย่างไม่เหมาะสมเสียด้วย คนที่จงรักภักดีก็ต้องปกป้องสถาบันสิครับ และการปกป้องสถาบันก็ไม่ผูกขาดที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วยสิ ใครก็ได้ที่จงรักภักดีและเห็นว่าคำสัมภาษณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสม ก็ต้องปกป้องสถาบันสิครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นพวกไหน จะเป็นพันธมิตรฯ เป็น นปช. เป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่นๆ หรือจะเป็นกลางทางการเมืองก็ได้ คนไทยที่จงรักภักดีมีสิทธิแสดงความเห็นปกป้องสถาบันครับ

link ที่ถ้างถึงในคห.ที่ 4  ได้ยินว่าก็อิ่มไปเยอะไม่ใช่เหรอที่ข่าวนะ โครงการจากเบื้องสูงด้วย...ทำไรรู้อยู่แก่ใจ เหอ.. .เหอ...

เนี่ยหรือจงรักภักดี ปกป้องสถาบัน...แหม..ตูข้านี้บริสุทธิ์ ..คนอื่นเลวหมด....

อ่านความเห็นของคุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย) แล้ว ผมคิดถึงความเห็นของคุณก้า..ก้า..หน่อย (หรือคุณเหรียญ 2 ด้าน) ในอีกกระทู้ที่ว่า "แถ..ไปได้เรื่อยๆ" เพราะดูจะสอดคล้องกับความหมายในพจนานุกรมของคำว่า แถ ว่า "อาการที่นกเป็นต้นเอียงปีกร่อนลง, อาการที่ของแบนๆ เช่นกระเบื้องหรือรูป แฉลบหรือร่อนไปเฉียงๆ, โดยปริยายเรียกอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น วันๆไม่เห็นทำการทำงาน ได้แต่แถไปโน่นไปนี่." เพราะกระทู้นี้ตอนแรกพูดถึงบทความ ฮุนเซน:พระยาละแวกยุคดิจิตอล และเล่าว่ามีสื่อมวลชนไหนเขียนถึงบทความนี้บ้าง ต่อมาคุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย) ก็แนะนำให้ไปอ่านบทความของหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ เกี่ยวกับคำสัมภาษณ์จาบจ้วงสถาบันของทักษิณกับการโจมตีสื่อมวลชนอื่นๆ พอคุณ Phainon และผมก็แสดงความเห็นเกี่ยวกับบทความนั้นไป คุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย)ก็ร่อนไปเฉียงๆต่อโดยเปิดประเด็น อย่าดึงฟ้าต่ำ และการผูกขาดรักสถาบัน พอผมแสดงความเห็นในประเด็นนั้นตามไป คุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย)ก็ร่อนไปเฉียงๆอีกทางด้วยการ เหน็บ link ที่คุณ Phainon อ้างถึง และแสดงความเห็นแบบแอบๆให้เดาไปว่า สงสัย link นั้นไปทำอะไรไม่ดีเกี่ยวกับโครงการจากเบื้องสูง

การแสดงความเห็นแอบๆโดยใช้นามแฝงแบบแอบๆอย่างนี้ นำไปสู่การแลกเปลี่ยนความเห็นที่สร้างสรรค์ยากครับ เพราะไม่รู้ว่าจะถกเถียงกันประเด็นไหน  เพราะคุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย)เล่นร่อนไปเฉียงๆเรื่อยๆ หากคราวนี้ ผมตอบประเด็นเรื่องในความเห็นที่ 8 อีก เป็นไปได้สูงมากที่คุณเหรียญ 2 ด้าน (หรือคุณก้า..ก้า..หน่อย) จะร่อนไปเฉียงๆในประเด็นอื่นอีก (ล่าสุดเพิ่งร่อนไปเฉียงๆในอีกกระทู้แล้วครับ)

แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว ผมขอคุยประเด็นในความเห็นที่ 8 ต่อว่า หากจะพิจารณาประเด็นดังกล่าวให้ดี เราต้องใช้หลักในการรับฟังข้อมูลว่า เราต้องแยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) และความคิดเห็น (Opinion) ออกจากกันครับ ข้อกล่าวหาในความเห็นที่ 8 เป็นความคิดเห็นที่อ้างอิงข่าวตามหน้าสื่อมวลชน เราก็ต้องตามไปดูว่าข่าวนั้นๆมีข้อเท็จจริงอย่างไร และแต่ละฝ่าย (มากกว่า 2 ฝ่ายครับ) มีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร จากนั้น ถึงจะประเมินด้วยดุลยพินิจของเราเองว่าจะมีความเห็นในเรื่องนั้นอย่างไร