ขอขอบคุณมากครับ ผมถือว่าเป็นคำชม และกำลังใจในการทำเวปต่อไป ปกติผมดูดวงที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ร้านกาแฟ ที่ร้านอาหาร และอาจจะบน BTS ก็ได้ครับ แล้วแต่ว่าว่างเมื่อไร ไม่ทราบผมตอบตรงคำถามหรือเปล่าครับ

แต่ถ้าถามว่ารับดูดวงส่วนตัวหรือเปล่า ต้องบอกว่าไม่ได้รับดูดวงเป็นการส่วนตัวครับ และปัจจุบันก็ไม่ได้ดูทั้งเป็นอาชีพหลัก และอาชีพเสริม

ถ้าสนใจอยากดูดวงส่วนตัว ลองติดต่อตามรายชื่อนักพยากรณ์ ตาม โหราพยากรณ์ จะเหมาะสม ส่วนฝีมือรับรองได้ว่าดีกว่าผมมากมายครับ เพราะมีทั้งระดับอาจารย์ และรุ่นพี่ๆของผมครับ

คุณสามารถพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษได้ครับ แต่ขออนุญาตตอบเป็นภาษาไทยนะครับ

I am wondering 2 cases :

1st case) If 2 babies being born in same time same hospital but different family, Would their lives be the same ? like if the baby who were born in same date and time as mine, would that baby confronting the things like what i had now. or would I & that one break up with our boy friend nearly in the same period ??? and why ?

2 nd ) If one boy has his own basic destiny better than Olk, Parnthongtae, but how Olk is richest gentleman in Thailand ?

Also, I used the service of  Uranian fortune teller  on Nov 2006 ( i am not sure if he is as efficient and precise , accurate as Khun Phainon or not :P ) He predicted that I & my prospect " wanna be boy friend " ดู ดู กันอยู่ )  would make some commit on May 2-5, 2007. as he saw that my man would meet lover on May 1-5 , 2006 and I am gonna have some good news about love then.Umm, I am worried now as I would have to  be in Canada in April to May 15, 2007 So I am not in Thailand , DOes my guy gonna meet someone new ? and I am gonna meet someone new abroad. Does " the word " พบ" ONLY means " phsycial meeting ???

กราบรบกวนขอความเห็น จากท่านอ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย ด้วยนะคะ

จริงๆแล้วทั้ง 2 คำถามสามารถตอบได้ด้วยคำตอบเดียวครับ เพียงแต่แยกประเด็นออกมาเท่านั้นเอง

จะตอบคำถามนี้ได้ต้องลากกลับไปที่ปรัชญามูลฐานของโหราศาสตร์เสียก่อน
ต้องออกตัวก่อนว่าผมอาจจะไม่สามารถสื่อความหมายผ่านทางตัวอักษรได้ครบถ้วนนัก เนื่องจากติดข้อจำกัดในการโต้ตอบทางเวปบอร์ด

ปรัชญามูลฐานของโหราศาสตร์ คือ

1. “As Above, So Below” หรือ “สิ่งที่อยู่เบื้องล่างย่อมเหมือนสิ่งที่อยู่เบื้องบน”

มีปรัชญาที่มีความหมายคล้ายคลึงกันอีกอันหนึ่งคือ Macrocosm and Microcosm
ง่ายๆก็คือ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในภาพใหญ่ ย่อมส่งผลหรือสะท้อนลงมาที่ภาพย่อยด้วย (ลองอ่าน บทความ จารึกมรกต ของคุณ Pallas เพิ่มเติม) ดังนั้น หากเราสามารถเรื่องราวในส่วนใหญ่ ก็สามารถอธิบายส่วนย่อยได้ ขณะเดียวกันในทางตรงกันข้าม ถ้าเราทราบรายละเอียดของส่วนย่อย ก็จะล่วงรู้ถึงส่วนใหญ่ได้เช่นกัน

2. อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เป็นสิ่งเดียวกัน เป็นการกล่าวถึงเรื่องเวลา จริงๆแล้วเราเป็นเพียงผู้

กำหนดขึ้นมาเอง เวลาปัจจุบัน เมื่อเรากล่าวจบมันก็เป็นอดีตไปแล้ว เวลาอนาคตใน 1 ชั่วโมง อีก

เดียวมันก็กลายเป็นปัจจุบัน แป๊บเดียวก็เป็นอดีต ดังนั้นช่วงระยะเวลาหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบของวงจรหนึ่งวงจร อาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาเล็กๆของวงจรชีวิตอีกวงจรหนึ่ง

ปัจจุบันของเรา อาจเป็นอดีตของอีกคน และอาจเป็นอนาคตของอีกคน ทุกอย่างเวลาคืออันหนึ่งอันเดียวกันหมดไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากเราทราบอดีต เราก็อธิบายสภาพปัจจุบัน หรือ ทำนายอนาคตได้ เรื่องราวในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต (ในเชิงปรัชญา)

โหราศาสตร์ เป็นเรื่องของปรัชญา อธิบายหากเราสามารถเข้าใจถึงธรรมชาติได้ เราก็สามารถนำมาใช้ในการเข้าใจชีวิตเราได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

เราใช้ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ เป็นเครื่องมือในการศึกษาธรรมชาติ และการพยากรณ์เป็นเพียงสิ่งพลอยได้จากการเข้าใจธรรมชาติ ไม่ใช่จุดประสงค์หลัก

เราอาจจะแปลงออกมาเป็น กาละ และ เทศะ คือ เวลา และสถานที่
- ปรากฏการโคจรของดาวบนท้องฟ้า ทำให้เราทราบตำแหน่งดาวในดวงชะตา นั้นก็คือเรื่องของเวลา
- การหมุนรอบตัวเองของโลก, ตำแหน่งของจุดที่สังเกตุ และเวลา ณ ขณะที่เราสนใจ ทำให้เราทราบถึง ลัคนา และเมอริเดียน ซึ่งก็คือเรื่องของ สถานที่

ตำแหน่งดาว ปัจจัยต่าง ของดวงชะตานั้นจะถูกนำมาอธิบายความหมายในเชิงปรัชญาเพื่อให้เจ้าชะตารับทราบ ผ่านทางการแปลความหมายโดย นักพยากรณ์ หรือ หมอดู เพื่อให้เป็นภาษามนุษย์

หากจะอธิบาย คำถามว่า คนเกิดเวลาเดียวกันที่เดียวกัน ทุกอย่างจะเจอเหมือนกันไหม ก็ต้องตอบว่าเหมือนกันภายใต้ปรัชญาเดียวกัน ปรัชญาเดียวกันอาจจะแสดงผลไม่เหมือนกันก็ได้ ไม่ใช่หรือครับ

แต่เมื่อคนเรากำเนิดเกิดมาแล้วก็จะมีเส้นทางการเลือกเดินที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ก่อให้วิถีของชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันไป

ผมชอบตัวอย่างที่ อ.วิโรจน์ ใช้สอนในห้องเรียน มีเด็ก 2 คนเกิดเวลาใกล้กัน ที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่คนหนึ่ง แม่หนีออกจากโรงพยาบาลทิ้งเด็กไว้ ก็มีคนไปอุปการะ ซึ่งเป็นญาติกับครอบครัว อีกครอบครัวหนึ่งและมีฐานะใกล้เคียงกัน เติบโตมา ครอบครัวที่ 1 เลี้ยงแบบอยู่ในกรอบระเบียบ เรียนจบสูง ได้งานดี ส่วนครอบครัวที่รับเลี้ยง เลี้ยงเด็กแบบตามใจเพราะสงสารเด็ก สุดท้ายเสียคน
ทั้งคู่อยู่ภายใต้ปรัชญาดาวเสาร์เหมือนกัน คือ มีข้อจำกัด ระเบียบ พลัดพราก

ยังหลายอย่างอีกที่มาใช้อธิบายความเหมือนกันทางปรัชญาโหราศาสตร์ เช่น อาทิตย์ ความหมายทางปรัชญา คือ ร่างกาย บุคคลเพศชาย ซึ่งอาจจะหมายถึง บิดา สามี เจ้าชะตาเอง ลูกชาย พี่ชาย ทุกอย่างที่เป็นเพศชาย สมมุติว่า มีเสาร์ สัมพันธ์ถึง อาทิตย์ ของคนที่เกิดเวลาเดียวกัน
- คนหนึ่งอาจจะเจ้าตัวป่วยหนัก
- อีกคน พี่ชายเขาย้ายออกไป (บอกในดวงเรา แต่ผลไปออกที่พี่ชาย)
- และที่แปลกแต่เคยเจอคือ ผู้หญิงได้แฟนแก่
เรื่องเดียวกันหมดเลย อาทิตย์ = เสาร์

ผมรวบรวมบทความของ อ.วรกุล จากเวปบอร์ดของ www.horathai.com ซึ่งสามารถอ่านเข้าใจง่ายๆ และสามารถตอบคำถามเรื่องนี้กับคุณ และผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทั่วไปได้ดี

----------------------------

อ.วรกุล :

มีความเข้าใจผิดในหมู่คนที่มาดูหมอ หรือ แม้แต่นักศึกษาโหราศาสตร์อยู่หลายอย่างที่จำเป็นต้องสะกิดเตือนกัน เรื่องบางเรื่องก็เคยบอกกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะไม่ได้เน้นประเด็นให้ชัดเจน จึงพบว่ามีคนตั้งคำถามโดยเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการวางความคิด เพื่อความเข้าใจโหราศาสตร์

เรื่องแรก คือ เรามักเข้าใจว่า ดวงชะตากำเนิดเป็นเช่นใด แล้ว ชีวิตจะเป็นเช่นนั้น โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การเชื่อเช่นนี้ รวมทั้งเข้าใจว่าหมอดูทุกคน เชื่อเช่นนี้ จึงกลายเป็นเรื่องงมงาย พลอยให้คนดูถูกโหราศาสตร์ไปด้วย ผมเคยบอกหลายหนแล้วว่า ดวงชะตากำเนิด แม้จะผูกดวงได้ตรงเผงแม่นยำอย่างไรก็ดี ก็เป็นดวงของเหตุการณ์สำคัญอันหนึ่งเท่านั้น คือ เป็นผลของกรรมที่ส่งให้ชีวิตมาเกิด ไม่ใช่เป็นเหตุของชีวิต ดังนั้น เราจึงสามารถเปลี่ยนแปลงหรือ ทำอะไรที่อยู่นอกเหนือจากดวงชะตาบ่งบอกเรื่องราว (ไม่ใช่กำหนด) ได้แทบทุกอย่าง มีเพียงสองสามอย่างที่ เราเบี่ยงเบนธรรมชาติได้ยาก หรือไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเบี่ยงเบนธรรมชาติเท่านั้น ที่เรามักจะฝืนไม่ได้ เช่น คู่ครอง บิดา มารดา พี่น้อง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่กำหนดมาพร้อมตัวเรา ส่วน รูปธรรม นามธรรมอื่นๆ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากกัน แม้จะเกิดในเวลาและสถานที่เดียวกัน ดวงชะตากำเนิด เหมือนกัน แต่วิถีชีวิตก็จะแตกต่างกันไปได้ ผู้เป็นนักศึกษาโหราศาสตร์ต้องเข้าใจธรรมชาติเช่นนี้ให้จงดี ก่อนที่จะศึกษาดวงชะตาต่อไป

เรื่องที่สอง ก็คือ เรามักเข้าใจว่า มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวในการทำนาย จนถึงกับว่าบางคน วิเคราะห์โครงสร้างการทำนายออกไว้เป็นสูตรสำเร็จรูป ใช้คอมพิวเตอร์ให้คำตอบได้ หรือ จด คำทำนายของผู้รู้ไว้ในดวงชะตา แล้วใช้วิธีการเลียนแบบให้เหมือน การทำเช่นนี้ แสดงว่ายังไม่เข้าถึงรากฐานของโหราศาสตร์ที่เป็นการศึกษาธรรมชาติ ธรรมดา กระแสธรรมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยปรุงแต่ง กฎธรรมชาติ มีว่า “ผลนั้นเกิดจากเหตุ” เมื่อ เราพิจารณาผล และ “เหตุย่อมเกิดผล” เมื่อ เราพิจารณาเหตุ ผลอย่างเดียวกันอาจจะมาจาก หลายเหตุที่ต่างกัน และเหตุอย่างเดียวกัน อาจบังเกิดผลได้หลายทาง ดังนั้น การตั้งความเห็นไว้ผิดจะทำให้การศึกษาไม่ก้าวหน้า ความเข้าใจผิดเช่นนี้ ทำให้คนที่มาดูหมอหลายคน ไม่ยอมให้ข้อมูลแก่หมอดูเลย เพราะคิดว่าหากหมอดูเก่งจริง ก็ดูรู้เองได้ แม้กระทั่งลองให้ข้อมูลไม่ตรงกับความจริง เพื่อพิสูจน์ว่าหมอดูเก่งจริงหรือไม่

หลายปีมาแล้ว บังเอิญได้ฟังรายการสดตอบปัญหาดวงชะตา และคุยเรื่องโหราศาสตร์ ทางวิทยุ รายการหนึ่ง (เลิกไปแล้ว) เชิญโหรดังๆมาคุยเรื่องโหราศาสตร์ ตอนหนึ่งคุยว่าได้พิจารณาดวงชะตาบุคคลระดับประเทศ ดวงของเขามีดาวเสาร์กำลังเด่นดี คาดว่าคงได้รับเลือกตั้งคราวนี้และจะได้ยศศักดิ์สูง เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน ปรากฏว่า มีผู้โทรศัพท์มาด่าโหรคนนี้หลายคน จนต้องตัดสายโทรศัพท์ออนแอร์ ที่ด่านั้นหากเป็นเรื่องการเมืองก็พอเข้าใจได้ แต่ฟังแล้วตกใจ เพราะกลายเป็นประเด็นโหราศาสตร์ เช่นมีผู้ว่า “ตำราว่า ทายโทษทายทุกข์ ให้ทายเสาร์” “ทายยศทายศักดิ์ ทายอาทิตย์” ดาวเสาร์เป็นบาปเคราะห์ แสดงว่าจะตกต่ำมีทุกข์เพราะทำบาปไว้มาก การที่โหรมาพูดเช่นนี้ เป็นการบ่อนทำลาย โหราศาสตร์ เพราะไม่รู้เรื่องหลักวิชา นี่ถ้าหากเป็นการโพสต์ลงเว็บบอร์ด คงได้ด่าคำหยาบมากกว่านี้แน่ และที่น่าแปลกใจคือมีคนโทรมาว่ามากมายหลายคน โดยไม่มีแม้แต่คนเดียวที่โทรมาสนับสนุน โหรผู้นี้ก็คงจะเซ็ง จึงไม่อธิบาย และก็ไม่ยอมมาออกรายการอีกเลย

พวกเราจำนวนมาก ถึงกับจำเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นกฏ แทบจะเหมือนหลักศิลาจารึกที่แก้ไขไม่ได้ แสดงให้เห็นว่า การศึกษาโหราศาสตร์ในบ้านเรา โดยเฉพาะโหราศาสตร์ไทยอ่อนแอมากเพียงใด อย่างเรื่องนี้ ธรรมดา การทำนายยศศักดิ์นั้น ทายจากดาวดวงใดก็ได้ ดาวทั้งสิบดวง ล้วนทำนายยศศักดิ์ได้ทั้งสิ้น ที่เราท่องกันเหมือน อาขยานของเด็กอนุบาลนั้น ก็ใช้เพียงขั้นอนุบาล จะเอามาใช้ในขั้นประถมก็ผิดแล้ว ทั้งนี้ เพราะมีความสำคัญผิดในความหมายของธรรมชาติ ที่ถูกแปลเป็นภาษาสามัญ ที่ผมเขียนไว้แล้ว ในความเห็นที่ 1 ของกระทู้นี้

มีท่านอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ได้เคยแกล้งสบประมาทพวกโหร แบบทีเล่นทีจริงไว้หลายครั้ง ทั้งๆที่ท่านก็มีเพื่อนและศิษย์เป็นโหรเก่งๆอยู่หลายคน ท่านว่า เวลาพวกโหรทำนายว่าดวงท่านไม่ดี ดวงชะตาตก ทีไร ท่านมักจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีทุกครั้ง แต่พอพวกโหรทำนายท่านว่าท่านจะดวงดี มีโชคลาภวาสนา ท่านก็มักแพ้เลือกตั้ง ไปนอนอยู่กับบ้าน ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนคอลัมน์ทางหนังสือพิมพ์ มิฉะนั้นก็จะไม่มีกิน พวกโหรน่าจะลาออกจากอาชีพโหรไปขายอะไรได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีโหรดังๆหลายคน จัดการเลื่อนลัคนาของท่าน ไปเป็นราศีอื่น โดยอ้างการได้ตำแหน่งนายก และเหตุการณ์จริงนี่เอง

นี่ก็เกิดจากความเข้าใจผิดในการแปลภาษาธรรมชาติอีกเหมือนกัน เวลาคนได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภาระหน้าที่ย่อมหนักเหนื่อย เต็มไปด้วยภาระ ความเครียดที่ต้องตัดสินใจ ทั้งเรื่องที่เปิดเผยได้ และเปิดเผยไม่ได้ รวมทั้งต้องตกเป็นขี้ปากให้คนเขาด่าทั่วบ้านทั่วเมือง บ้างก็ลบหลู่ดูหมิ่นเกียรติด่าว่าเหมือนเป็นวัวเป็นกระบือ โหรเองที่มีความรู้ ต้องพิจารณาว่าชะตาชีวิตของเขาในช่วงนี้จะเป็นอย่างไร การที่เกียรติเขาจะตกต่ำลง เป็นเกียรติยศในส่วนไหน เพราะมีดาวอยู่หลายดวง การที่พิจารณาว่าเขาจะไม่มีเกียรติ แล้วฟันธงว่าไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงแสดงว่าโหรเองไม่มีภูมิความรู้ ตรงกันข้าม หาก นายกเองแพ้เลือกตั้ง ได้นอนอยู่บ้าน ไม่มีใครมาด่า ไม่ต้องตรากตรำ ไม่มีความเครียด ทำแต่งานเบาๆ โหรกลับเห็นว่าดวงเขาดี จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงผิด เพราะไม่พิจารณาตามความเป็นจริง การที่นำท่านอดีตนายกมาเป็นตัวอย่าง เพราะท่านเปิดเผยให้วิจารณ์กันทั่วไปในสมัยนั้น เราลองมาเทียบ กับ โหรที่วิจารณ์ดวงชะตาผู้นำในปัจจุบันดูบ้างก็ได้

+++++++++++++++++

อ.วรกุล : http://www.horathai.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=horathaicom&thispage=10&No=84137

ยิ่งฝาแฝดคู่ใดที่มีดาวร่วมในราศีหนึ่งราศีใดมากหลายดวง  วิถีชีวิตก็จะมีโอกาสแตกต่างจากคู่แฝดกันมากขึ้น  มากกว่าฝาแฝดที่มีดาว เพียง 1 – 2 ดวงต่อราศี   ซึ่งกรณีหลังจะพบว่าฝาแฝดคู่นั้นมีวิถีชีวิตและกิจกรรมในชีวิตคล้ายกัน    ลองคิดดูเองก็ได้ว่าเป็นเพราะอะไร

--------------------------

อ.วรกุล : http://www.horathai.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=horathaicom&thispage=11&No=46084

       เพื่อให้เข้าใจง่ายหน่อย   สมมุติมีหญิงและชายคู่หนึ่ง แต่งงานและเริ่มตั้งครรภ์   เมื่อเกิดชีวิตในครรภ์มารดา   ดวงชะตาของทั้งสองคนต้องอ่านได้ว่าเริ่มมีบุตร    และเมื่อบุตรนั้นคลอด  ก็อ่านได้ว่า ได้บุตรแล้ว   ดวงชะตาที่ทั้งสองได้บุตร  คือดวงชะตากำเนิด(ตกฟาก)ของบุตร  ถูกไหม   คิดย้ำตรงนี้ให้ดีๆ    ดังนั้น  ดวงชะตากำเนิดของบุตร  คือดวงเดียวกับที่เป็นทางดาวจร(ปัจจัยภายนอก) ของบิดามารดา     ดาวจรของบิดามารดาที่ทำให้เกิดบุตรได้  ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างกรรมและธาตุกำเนิดของทั้งสองคนนั่นเอง      หากโครงสร้างทั้งสองแบบไม่สอดคล้องกันกับดาวจร  จะเกิดบุตรไม่ได้       แต่ดาวจรนั้น เป็นอิทธิพลจากจักรวาลภายนอก   จึงมีผลสอดคล้องกับโครงสร้างธาตุเกือบทั้งหมด      ดังนั้น  ดวงชะตากำเนิดของเด็ก  จึงมีธาตุส่วนหนึ่งที่เหมือนกับบิดามารดา  ทำให้มีใบหน้า  ลักษณะนิสัย   และความเป็นไปในชีวิตคล้ายกันได้  สุดแต่ว่า  ขณะที่เกิดนั้น   มีดาวจรชุดใดที่เคลื่อนหมุนตัวมาจับกับโครงสร้างธาตุของบิดามารดาชุดใด       เมื่อได้รับธาตุ จากจักรวาล  ที่เป็นแบบพิมพ์ธาตุเดียวกับบิดามารดา   ธาตุเหล่านั้นจะมาจัดโครงสร้างธาตุเป็นของชะตาตนเอง     ธาตุต่างๆเช่น เกษตรธาตุ  และธาตุดาว  จึงถูกถ่ายทอดจากจักรวาลตามลงมาสร้างโครงสร้างธาตุใหม่    ส่วนชีวะธาตุ และวิญญาณธาตุนั้น  จะนำพาโครงสร้างกรรมเข้ามาในขณะเกิดพร้อมกัน     โครงสร้างกรรมของตนเองมีอิทธิพลแฝงอยู่มากในการจัดโครงสร้างธาตุใหม่  หรือ พูดในทางกลับกันก็คือว่า    คนที่มีกรรมเช่นใด  ก็จะมาเกิดใน โครงสร้างธาตุที่ได้รับสืบทอดจากบิดามารดามานั่นเอง

เพื่อนเคยดูดวงกับ อ.กามล คะ บอกว่าอาจารย์ ท่าน ทายตรง แม่น และ ชัดเจนมาก

แต่หนูแอบเกรงอาจารญ์ ท่านอยู่ :P กลัวถาม แบบโง่ แล้วท่านจะเซ็ง

ตอบความเห็นที่ 4

คุณ kate อ่านบทความที่ผมโพสมาแล้วใช่ไหมครับ เพราะจริงๆ คำตอบอยู่ในความเห็นที่ผมตอบได้แล้วทั้งสิ้น

ผมประเมินว่า นักพยากรณ์ คงจะพิจารณาด้วยการพยากรณ์จากดวงจร ที่มาสัมพันธ์กับดวงชะตาของคุณทั้ง 2 ซึ่งก็เหมือนกันที่อธิบายไปแล้วข้างต้นว่า ปรัชญาทางโหราศาสตร์ สามารถแปลความได้หลายอย่าง ดังนั้นที่ นักพยากรณ์ทำนายไป อาจจะเกิดเหตุการณ์อีกแบบก็ได้ ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะเขาพยากรณ์ผิด แต่เพราะเขาไม่ทราบถึงลักษณะการดำเนินชีวิต หรือข้อจำกัดอื่นๆของเรา

ปกติแล้วเราก็มักไม่ค่อยบอกเรื่องของเรา แต่ให้เป็นหน้าที่ของผู้พยากรณ์ต้องทายเอง ซึ่งก็ไม่ถูกนัก เพราะนักพยากรณ์ ก็จะตีความหมายตามประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ใช่ประสบการณ์ของคุณ ทำให้อาจจะถูกบิดไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในปรัชญาทางโหราศาสตร์เดียวกัน

การพยากรณ์จร นั้นหากต้องการให้เฉพาะเจาะจงลงไป ต้องมีรายละเอียดเยอะครับ ซึ่งยากเหมือนกัน และสามารถพลาดได้ง่ายๆหากไม่ได้ระบุ หรือบีบเหตุการณ์ให้อยู่ในกรอบที่เราควบคุมได้

"he saw that my man would meet lover on May 1-5 , 2006 "

อาจจะมาจาก ศุกร์ สัมพันธ์ถึง ลัคนา หรือ ราหู เหตุการณ์เกิดได้เยอะมากครับ เช่น มีคนเลี้ยงข้าว มีคนให้น้ำหอม ได้เงิน ได้ของขวัญ

"I am gonna have some good news about love then"

อาจจะมาจาก ศุกร์ สัมพันธ์ถึง พุธ เหตุการณ์อาจจะเกิดว่า มีการเดินทางที่มีความสุข ปลอดโปร่ง การคุยเรื่องความรัก หรือความสวยความงาม การเจรจาทางธุรกิจ หรืออาจจะพบเจอผู้หญิงก็ได้

ข่าวดีเรื่องความรัก (พุธ/ศุกร์) ของผม อาจจะเป็นแค่คนโทรมาชวนกินข้าวก็ได้

โพสท์ใหม่ครับ เพราะมีที่แก้ไชคำผิด

ทั้งคุณ Phainon และคุณ Pallas ได้อธิบายสิ่งต่างๆมาก หากคิดว่าเป็นการตอบกระทู้ ผมถือว่ามากเกินไป แต่เจตนาของทั้ง 2 คนก็คือ การแนะนำหลักปรัชญาโหราศาสตร์ที่ได้เรียนรู้มาให้ผู้ที่เข้ามาอ่านได้ทำความเข้าใจด้วย จากที่คุณ Phainonได้อ้างถึงตัวอย่างที่ผมสอนในห้องเรียน  ....

ผมชอบตัวอย่างที่ อ.วิโรจน์ ใช้สอนในห้องเรียน มีเด็ก 2 คนเกิดเวลาใกล้กัน ที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่คนหนึ่ง แม่หนีออกจากโรงพยาบาลทิ้งเด็กไว้ ก็มีคนไปอุปการะ ซึ่งเป็นญาติกับครอบครัว อีกครอบครัวหนึ่งและมีฐานะใกล้เคียงกัน เติบโตมา ครอบครัวที่ 1 เลี้ยงแบบอยู่ในกรอบระเบียบ เรียนจบสูง ได้งานดี ส่วนครอบครัวที่รับเลี้ยง เลี้ยงเด็กแบบตามใจเพราะสงสารเด็ก สุดท้ายเสียคน
ทั้งคู่อยู่ภายใต้ปรัชญาดาวเสาร์เหมือนกัน คือ มีข้อจำกัด ระเบียบ พลัดพราก....

ผมจะขยายความเพิ่มเติมดังนี้ครับ

การที่เด็กทั้งคู่ เกิดมาในวัน เวลาเดียวกัน แต่จากพ่อแม่ที่ต่างกัน นั่นคือพื้นฐานของชีวิตในอดีตที่แตกต่างกัน คือมีที่มาต่างกัน แล้วเด็กคนหนึ่ง แม่ทิ้ง นั่นคือเกิดเหตุการณ์พลัดพราก (ดาวเสาร์) แล้วมีคนขอไปเลี้ยง (เด็กคนนี้โชคดีที่ไม่ต้องอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า(พฤหัส) )ครอบครัวที่เลี้ยงนั้นไม่มีลูก เลยเลี้ยงลูกแบบตามใจ เพราะเป็นครอบครัวที่มีฐานะ (พฤหัส) พอเด็กคนนี้โตขึ้นมาก็เลยเสียคน (เสาร์) แสดงว่าเด็กคนนี้มีดาวเสาร์และดาวพฤหัสมีอิทธิพลแรงพอๆกัน เมื่อทำชีวิตเป็น(เสาร์)คือแม่ทิ้งก็เลยโชคดีมีคนรวยเอาไปเลี้ยง(พฤหัส) ครั้งพอเลี้ยงแบบคนมีฐานะเลี้ยงแบบตามใจ(พฤหัส) ชีวิตก็เลยเสียคน (เสาร์) เรื่องแบบนี้เป็นอุทธิหรณ์สำหรับคนที่คิดว่ามีฐานะร่ำรวย หรือพยายามแสดงฐานะว่ามีเงินทอง มากมาย เมื่อใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ (พฤหัส)  สักหนึ่งก็จะเจอความยากลำบาก ความทุกข์ (เสาร์) แต่ถ้าพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกให้อยู่ในกรอบที่ดี (เสาร์) เด็กคนนี้เมื่อโตขึ้นก็จะรู้จักการวางตนในกรอบก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ (พฤหัส)

กรณีที่คุณยกตัวอย่าง คน 2 คนในกระทู้ที่ 2 พานทองแท้นั้น คุณเห็นความร่ำรวยของครอบครัวเขา(พฤหัส) แล้ววันนี้คุณเห็นความทุกข์ยากมั๊ยครับ (เสาร์) ในขณะที่ อีกคนหนึ่งที่คุณอ้างถึงด้วยนั้น วันนี้เค้ามีสภาพชีวิตเหมือนพานทองแท้บ้างหรือเปล่า

Clear แล้วคะ ขอบพระคุณสำหรับวิทยาทาน คะ

KHun Pallas,

" อ่านจากคำที่คุณ Kate ใช้ ไม่แน่ใจว่า คุณ Kate มีจุดเจ้าชะตาจุดไหนเป็นราศีสิงห์หรือเปล่า? :)"

คำไหนเหรอคะ Khun Pallas ? Umm, Let me check my bible , i noted from last Uranian Fortune meeting

เกิดมา เพิ่งเขียนกระทู้ครั้งแรก Web แรก/  แล้ว ก็ไม่เขียนบ่อยเพราะพิม ไม่เป็น / This time is very productive ka and broaden my view. Thanks  na ka  

ขออนุญาติตอบแทนนะครับ ที่คุณ Pallas สงสัยและสอบถามว่ามีจุดเจ้าชะตาอยู่ในราศีสิงห์หรือเปล่า คือ การแสดงออกมาทางข้อความมีลักษณะเด่นของชาวราศีสิงห์อยู่นะครับ

ลักษณะเด่นของราศีสิงห์ คือ ความเสรี การแข่งขัน ความโดดเด่น การเอาชนะ การเสี่ยง ความกล้าในการแสดงออก

คุณแสดงออกในลักษณะของการเปรียบเทียบ ใครดีกว่า เด่นกว่า รวยกว่า ก็อยู่ในเกณฑ์ของลักษณะราศีสิงห์ ครับ

ส่วนจุดเจ้าชะตา ก็ประกอบด้วย อาทิตย์ จันทร์ เมอริเดียน ลัคนา และราหู ถ้าอยากรู้ว่าดวงชะตาคุณมีดาวอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ก็ลองไปใช้บริการคำนวนดวงชะตาฟรี ที่ www.astro.com แล้วดูว่ามีจุดเจ้าชะตาตัวไหนอยู่ในราศีสิงห์บ้าง

ส่วนรายละเอียดมีเยอะ ผมไม่ขออธิบาย เนื่องจากผมเขียนเยอะ อธิบายยาว เขียนแล้วไม่รู้ว่าคนอ่านจะเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะสื่อหรือเปล่า และเชื่อว่าก็ต้องมีคำถามตามมาอีกแน่นอน เพราะเรื่องพื้นฐานนี้ต้องใช้การโต้ตอบระหว่างกัน และเรียนรู้หลักการ หรือ แก่นๆ มันเสียก่อน

ฉะนั้นมาเรียนยูเรเนียนเลยดีกว่าครับ ผมก็เริ่มศึกษาโหราศาสตร์ ก็จากการมีคำถามคล้ายๆคุณ Kate นั้นแหละครับ และคุณเองก็จะได้คำตอบในทุกคำถามครับ

ลองติดตามที่เวปไซต์นี้ว่า คอร์สยูเรเนียน เปิดหลักสูตรอีกครั้งเมื่อไร ทราบว่าประมาณช่วง กรกฏาคม 2550

ขอถามเรื่องคอร์สยูเรเนียนได้ไม๊คะว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่และลักษณะการเรียนการสอนเป็นอย่างไร เช่น มีเรียนทางไกลไม๊ หรือต้องไปเข้าห้องเรียน และต้องเรียนเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่คะ

ขอบคุณมากค่ะ

อ.วิโรจน์ ได้นำหลักสูตร พื้นฐาน และ ชั้นสูง มารวมกันแล้วครับ เรียนกันในห้องเรียน เหมือนกับการเรียนแบบทั่วไปครับ

ปัจจุบันยังไม่มีหลักสูตรเรียนทางไกล หรือทาง internet ครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ตามข้อความด้านล่างครับ

วิชาโหราศาสตร์ยูเรเนียน  (พื้นฐาน+ชั้นสูง) หลักสูตร ๘ เดือน  ค่าอบรม  10,000 บาท   สอนโดย อ. วิโรจน์  กรดนิยมชัย  เปิดอบรมวันอาทิตย์  เดือนมิถุนายน 2550  มีสองคาบ  เวลา 9.00 –12.00 น.   และ 13.00-16.00 น.

ครเราเปลี่ยนดวง หรือลด ดีกรีความแรงของดวงได้ไหม

เช่น จะAccident ก็ไปทำบุญ จะทุเลาลงไหมคะ????

ถึงขึ้นจะเปลี่ยนดวงเลยนี้ ผมไม่คิดว่าจะสามารถทำได้นะครับ

ดัวยเหตุผลที่ว่าปรัชญาที่เราใช้กันในโหราศาสตร์นั้น เป็นปรัชญาที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากการศึกษาธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อเราใช้ปรัชญาของโหราศาสตร์มา พยากรณ์ดวงชะตา ก็คือการให้เราสามารถเข้าใจ และรู้จักธรรมชาติของเรามากขึ้น สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา ย่อมเกิดอยู่ภายใต้อิทธิผลจากธรรมชาติของเราเอง

แต่เราก็มีสิทธิเลือกแนวทางการดำเนินชีวิตเองได้นะครับ ไม่ใช่ไม่มีทางเลือกเลย  เพียงแต่ผลลัพท์ที่ได้ก็ย่อมอยู่ภายใต้ปรัชญาทางโหราศาสตร์ตามดวงชะตาของเรา ยกตัวอย่างง่ายๆ ตาม ความเห็นที่ 12 ของ อ.วิโรจน์ มันขึ้นอยู่กับเราจะเลือกอะไรเป็น ประธาน อะไรเป็นกรรม

จริงๆ เรื่องในโหราศาสตร์ชั้นสูง มีเรื่อง Relocation Astrology ที่กล่าวถึงการย้ายถิ่นฐานมีผลต่อดวงชะตา แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาได้ทั้งหมด เพราะดวงชะตา ณ เวลา และสถาที่ ที่เราถือกำเนิดมานั้น ย่อมถือว่าเป็น Theme หลักของชีวิตเราการ

การแก้ดวง หรือ การลดดีกรีความแรงของดวง เรียกง่ายๆที่ทั่วไปเรียกว่า สะเดาะเคราะห์ หรือ แก้เคล็ด ก็พอสามารถทำได้ครับ แต่ผลลัพท์ที่ได้คงต้องแล้วแต่กรณีไปครับ ขึ้นอยู่ขนาด และความรุนแรงของเหตุการณ์

หลักการง่ายมากๆ คือ การทำตัว หรือดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับดวงชะตาเราเอง และอยู่ภายใต้สถานการณ์/สิ่งแวดล้อมที่เราควบคุมได้

คล้ายกับการสร้างให้เกิดเหตุการณ์ตามความหมายปรัชญานั้นเสียก่อน ซึ่งเราพึงพอใจมากกว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์อีกแบบที่เราไม่ต้องการ

ขอยกตัวอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก คือ สมมุติ ถ้าหมอดูบอกว่า เราจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพปีนี้ วิธีการแก้เคล็ดง่ายๆ

1. ปรึกษาแพทย์ (หากมีอะไรก็จะได้รับการรักษาเบื้องต้นก่อน)

2. เอาใจใส่ และดูแลสุขภาพมากขึ้น (เป็นความยากลำบาก/ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา ในเรื่องที่เกี่ยวข้องสุขภาพ)

3. ออกกำลังกาย (ร่างกายเหนื่อยล้า เสียเหงื่อ ไม่สบายตัว แต่ผลคือเราแข็งแรงขึ้น)

อย่าง Accident ที่คุณถาม ผมแนะง่ายๆเบื้องต้น ณ ช่วงเวลาใกล้ๆกับที่ได้รับการทำนายมา ก็ไปบริจากเลือด เจาะเลือดตรวจสุขภาพ หาหมอฟัน ทำฟัน เอารถเข้าอู่ ซ่อมรถ ประมาณนี้ครับ

ป.ล. ผมคุ้นว่าเห็นในนิตยสารฉบับหนึ่งนะครับ ยินดีด้วยครับ

ผมแนะนำที่นี่นะครับ เยี่ยมมาก อาจารย์เขาใจดีมากๆ ด้วยนะครับ และแม่น มากๆๆๆๆ

สอนดูดวงชะตา รับดูดวงชะตา โดย อาจารย์ อัจฉรา พัฒนสิน  ผู้ชำนาญงานทำนายดวงชะตามาแล้วกว่า 30 ปี ดูดวงจากไพ่ ดูดวงจากดวงดาว ดูดวงจากวัน เดือน ปี เกิด ดูดวงจากลายมือ ประกอบกับกรรมเก่าทุกอย่างประกอบกัน

http://www.pts-destinycenter.com/

TEL. 081-8554578 , 02-5102807

           ติดต่อ คุณโน๊ต