ดาวไครอนจะกลับมายังตำแหน่งเดิมที่ศาลโลกตัดสินคดีประสารพระวิหารเมื่อ 15 มิ.ย. 2505 ที่ 10 องศา ราศีมีน ประมาณปี 2556-2557 ครับ ดังนั้น ถ้าจะใช้วงรอบดาวไครอน ตอนนี้ก็ยังไม่ครบรอบครับ

ผมรู้ว่า คุณ ... (3จุด) มีเจตนาจะชวนคุย พอมีเวลาว่าง ก็จะคุยด้วย ก็แล้วกัน ... เพื่อให้เป็นกรณีศึกษาแก่นักศึกษาที่เข้ามาอ่าน

1. การใช้ระยะวังกะนั้น ในโหราศาสตร์สากลอาจจะมีการใช้ที่หลากหลาย แล้วแต่ดวงดาว แต่ด้วยความเคยชิน และที่ใช้ "อย่างหวังผลสัมฤทธิ์" นั้น ผมใช้เพียง 1 องศา มาตลอด ไม่เคยใช้วังกะเกิน 1 องศา โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวใหญ่ที่มีอัตราการโคจรรอบละ 50 ปี ยิ่งต้องระมัดระวังการใช้วังกะด้วย เพราะยิ่งวังกะมาก โอกาสถูกต้องแม่นยำยิ่งน้อย ยกเว้น กรณีที่ดาวโคจร เดินหน้า ถอยหลัง แล้วเผอิญองศาดาวทำมุมสัมพันธ์ (Sharp Aspect) สนิทองศา และเกิดเหตุการณ์ได้พอดี

2. ในหลักการแล้ว ผมมักใช้ปรัชญาเพื่อบอกภาพใหญ่ก่อน แล้วค่อยหรี่ตาเพื่อหาโฟกัสเล็กลงเรื่อยๆ ด้วย วงรอบเหตุการณ์ ดวงสงกรานต์ประจำปี ดวงอมาวสี ซึ่งทุกดวงย่อยเหล่านี้จะต้องมีปัจจัยที่บ่งบอกหตุการณ์อย่างชัดเจน ซึ่งในปี 2554 นี้ หายังไงก็ไม่พบว่าจะมีเหตุการณ์ที่จะต้องเสียเปรียบต่อกัมพูชา หรือต้องเสียดินแดนให้ใคร

3. จากที่คุณพยายามจะหาแพะมาให้ ก็ไม่เห็นว่าความหมายของดาว Chiron จะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับกรณีศาลโลกเมื่อปี 2505 จึงอยากขอดูสมการพระเคราะห์สนธิที่อ้างอิงได้ หวังว่าคุณ ... (3จุด) จะนำมาแสดงให้เห็นได้ จักขอบคุณยิ่ง

จากเวบ  http://www.cafeastrology.com/chiron.html

Chiron is a comet with a unique and erratic orbit...............

Chiron เป็นดาวหางที่มีวงโคจรที่ไม่ซ้ำกันและไม่อยู่กับร่องกับรอย ...............

ผมเพิ่งค้นหาในเวบที่คุณ ... แนะนำไว้ การพยากรณ์เกี่ยวกับดาวหางนั้น มีเอกสารของ Raphael กล่าวไว้เกี่ยวกับดาวหางว่า การโคจรของดาวหางโยยกตัวอย่างดาวหางฮัลเล่ ที่มีคาบการโคจร 76 ปี   ซึ่งการโคจรผ่านมานั้นมีผลต่อเหตุการณ์ในประเทศอังกฤษ (เพราะราฟาเอล เป็นสำนักโหร หรือสำนักพิมพ์ในอังกฤษ ก็ยกตัวอย่างที่เห็นในประเทศอังกฤษ) ส่วน Chiron นั้น ยังไม่มีเอกสารใดๆที่ยืนยันอิทธิพลอย่างเด่นชัดได้ และ การที่มีวงโคจรไม่ซ้ำกัน และไม่อยู่กับร่องกับรอย ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ และไม่น่านำมาใช้พิจารณาในกรณีนี้ได้

และเท่าที่ผมค้นคว้ามานั้น ก็ไม่เคยมีนักโหราศาสตร์ชั้นนำคนไหนในต่างประเทศ  ไม่ว่าจะเป็น Robert Hands, Alan Leo, Noel Tyl ........ กล่าวถึงอิทธิพลของดาวหางดวงนี้เลย ดังนั้น ผมคงไม่เสียเวลากับดาวหางดวงนี้ต่อไป จนกว่าจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้มากกว่านี้ ส่วนใครสนใจจะยังใช้อยู่ก็เชิญตามอัธยาศัย .............

ถึงแม้ว่าจะเสนอให้หยุดการอภิปราย แต่ผมยังมีประเด็นที่ยังคุยไม่ครบกระบวนความเลย จึงขอคุยต่อดังนี้

1) ในความเห็นที่ 6 พูดถึงระยะวังกะของวงรอบไครอน สมมติว่าใช้อิทธิพลของดาวตามที่คุณ ... บอกคือ 7-8 องศากรณีขาเข้า และ 5 องศากรณีขาออก รอบนี้ ดาวไครอนจะ return ตำแหน่งเดิมตั้งแต่ มี.ค. 2011 - ก.ย. 2015 นั่นหมายความว่า ในช่วงเวลา 4 ปีครึ่งดังกล่าวถือว่าเป็นวงรอบดาวไครอนใช่หรือเปล่าครับ? ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็แปลว่าเหตุการณ์ใดก็ตามที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นที่เกี่ยวกับประสาทพระวิหาร ถือว่าอยู่ในอิทธิพลวงรอบไครอน ซึ่งถ้าใช้เกณฑ์ระยะวังกะกว้างอย่างนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าครอบจักรวาลไปหน่อย เพราะครอบไปตั้งเกือบ 5 ปี

2) ดาวไครอน เป็นดาวที่เพิ่งค้นพบเมื่อปี 2520 ถือว่าใหม่มาก เป็นดาวที่มีวงโคจรระหว่างดาวพฤหัสจนถึงดาวมฤตยู (ส่วนใหญ่โคจรระหว่างดาวเสาร์กับดาวมฤตยู แต่เพราะวงโคจรที่รีมากเลยมีบางช่วงที่โคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวพฤหัส) มีขนาดเล็กมากคือมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 233 กิโลเมตรเท่านั้น พูดง่ายๆคือระยะทางจากกรุงเทพเลยปากช่องไปนิดเดียวเอง เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์น้อยดวงอื่นที่นำมาใช้ทางโหราศาสตร์อย่างดาวเซเรส 975 กม., ดาว Pallas 550 กม., ดาว Vesta 530 กม., หรืออย่างดาวพลูโตที่เพิ่งถูกลดชั้นไปเป็นดาวเคราะห์แคระก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 2,306 กม. จากขนาดที่เล็กมากนี้เอง ทำให้ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก เพราะถ้าเน้นไครอนก็คงต้องใส่ ดาวเคราะห์แคระและดาวเคราะห์น้อยมาไว้ในดวงชะตาทั้งหมด คงอ่านดวงกันไม่ไหว อย่างดาวเคราะห์แคระก็มีอย่างน้อย 5 ดวง ได้แก่ Pluto, Ceres, Haumea, Makemake และ Eris ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่า 100 กม. มีราว 200 ดวง แต่เรื่องอย่างนี้ ลางเนื้อชอบลางยา ใครอยากใช้ก็ย่อมเป็นสิทธิและดุลยพินิจของแต่ละท่านครับ

ส่วนเรื่องดาวหางนั้น ใน wikipedia ที่คุณ ... อ้างเขียนไว้ชัดเจนว่า "Chiron is officially designated as both a comet and an asteroid, an indication of the sometimes fuzzy dividing line between the two classes of object." หมายความว่า ดาวไครอนถูกกำหนดอย่างเป็นทางการว่าเป็นทั้ง ดาวหางและดาวเคราะห์น้อยครับ

3) ในความเห็นที่ 10 บอกว่า ดวงปีใหม่ 22 ธ.ค. 1961 ปีที่ตัดสินคดีพระวิหารนั้น ผมลองคำนวณจาก Solar Fire ได้เวลา 9.19 น.นะครับ ต่างจากที่คุณ ... ระบุไว้ 11 นาที เลยทำให้ลัคนาต่างกันประมาณ 3 องศา ลองแกะจุดที่คุณว่า ก็งงๆ เพราะ As/Su ห่างจาก Chiron ในมุมเท่าของ 45 ถึง 4 องศากว่า และไม่เท่ากับ Kr+Kr-Me และ Sa+Ur-Kr ด้วย ลองดูในรูปดวงนะครับ

ปัญหาอีกอย่างเวลาเราดูดวง Ingress หรือ New Moon เพื่อดูปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านก็คือ ลัคนาของทั้งสองประเทศจะใกล้กันมาก จนทำให้บอกยากว่าใครเสียเปรียบหรือใครได้เปรียบ อย่างดวงปีที่ว่า As/Su ที่กรุงเทพ เท่ากับ 19 มกร 23 และ As/Su ที่พนมเปญเท่ากับ 22 มกร 07 หากกันไม่ถึง 3 องศา พอใช้ระยะวังกะ 2 องศากว่าก็แทบไม่ต่างกันเลย

เพิ่งค้นเจอเรื่องพระวิหารที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อปีที่แล้ว ตาม Link นี้ครับ ที่นำมาแปะไว้นี้ เพื่อให้อ่านต่อเนื่องกันครับ ไม่ได้ต้องการปลุกกระแส หรือสร้างประเด็นอะไรให้มากเรื่องมากความครับ

http://www.horauranian.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=horauraniancom&thispage=6&No=1288933

สำหรับเรื่องความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ดาวไครอนหรือวงรอบดาวไครอนนั้น ผมคงไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติมแล้วเพราะเป็นดุลยพินิจของแต่ละท่าน แต่ที่ยังติดใจอยู่คือเรื่อง ดวงปีใหม่ 22 ธ.ค. 1961 เพราะเป็นเรื่องข้อเท็จจริง (Fact) ไม่ใช่ความคิดเห็น (Opinion) โดยเวลาที่ผมค้นดูแตกต่างจากเวลาที่คุณ ... อ้างอิงถึง 11 นาที ทำให้การวิเคราะห์ดวงชะตาแตกต่างกันได้มากทีเดียว ยิ่งมาเล่นเรื่องจุดอิทธิพลของลัคนา/อาทิตย์ที่เคลื่อนไวด้วย ก็จะส่งผลต่างมากทีเดียว

เวลาที่ผมคำนวณในความเห็นที่ 14 นั้น คำนวณโดยโปรแกรม Solar Fire ที่ใช้ Swiss Ephemeris เป็นตัวคำนวณปฏิทินดาว เวลาคำนวณเวลาอาทิตย์ยกเข้าราศีมกรนั้น ผมไม่ได้เคาะเวลาทีละนิดจนเห็นตัวเลขตำแหน่งอาทิตย์เข้า 0 มกร 00 แต่ผมใช้ฟังก์ชันคำนวณหา Ingress ของ Sun ที่เข้า 00 Cp 00 00 ในปีนั้น จึงได้เวลา 9:19:27 น.มา แต่ถ้าลองทำตามที่คุณ ... คือ คำนวณที่เวลา 9:08 น.นั้น อาทิตย์จะอยู่ที่ 29 Sg 59" 30"" ไม่ได้เป็น 0 มกร 00 00 แต่อย่างใด ยังขาดอีกตั้ง 30 พิลิบดาจึงจะเข้าราศีมกร

เพื่อความแน่ใจ ก่อนที่จะแสดงความเห็นที่ 14 ไป ผมจึงตรวจสอบโปรแกรม Nova Chartwheel ที่ใช้ Ephemeris ของ Robert Hand ก็ได้เวลาอาทิตย์ยกเข้าราศีมกรเป็นเวลา 9:19:47 น. ต่างกับ Solar Fire เพียง 20 วินาทีเท่านั้น

และเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้โปรแกรมได้ ผมก็ลองไปเปิด ปฏิทินดาว "The American Ephemeris for the 20th Century" ที่คำนวณโดย Neil F. Michelsen ก็ได้เวลาเป็น 2:19 น. ที่เส้นกรินนิช พอบวก 7 ชั่วโมงให้เป็นเวลามาตรฐานไทย ก็จะเป็นเวลา 9:19 น.ตรงกับที่ Solar Fire คำนวณพอดี และผมก็ยังไปเปิดหนังสือ "Tables of Planetary Phenomenon" ซึ่งคำนวณโดย Neil F. Michelsen เช่นกัน ก็ระบุว่าดวงอาทิตย์ยกเข้าราศีมกรในปีนั้นตรงกับ 22 ธ.ค. 1961 เวลา 2:20:03 น. ตามเวลากรีนนิช พอบวกเพิ่ม 7 ชั่วโมงให้เป็นเวลามาตรฐานไทยก็ได้เวลา 9:20:03 น. ก็ใกล้เคียงกับ Solar Fire ต่างกันเพียง 36 วินาทีเท่านั้น

หลังจากที่สอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ผมจึงมั่นใจว่า ดวงอาทิตย์ยกเข้าราศีมกรในปีนั้น ตรงกับ 22 ธ.ค. 1961 เวลา 9:19 น.ตามเวลามาตรฐานไทย ณ กรุงเทพมหานคร เวลาคลาดเคลื่อนไม่น่าเกินกว่า 1 นาที

ส่วนที่คุณ ... บอกว่า "การยกเข้าราศีนั้น เขาใช้ ณ นาทีที่เริ่มเข้านาทีแรก" นั้น เรื่องนี้ผมทราบดีครับ จริงๆแล้วควรเปลี่ยนเป็น ณ วินาทีแรกจะตรงกว่าด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม เวลาที่คุณ ...ใช้มันคลาดเคลื่อนจากแหล่งข้อมูล 4 แหล่งของผม ผมจึงสงสัยว่า คุณ ... ใช้โปรแกรมอะไรหรือ Ephemeris อะไรหรือ Setting ในโปรแกรมต่างกัน ผลลัพธ์จึงแตกต่างจากโปรแกรมและแหล่งข้อมูลที่ผมใช้อยู่ เท่านั้นเองครับ

ยิ่งคุณ ... บอกว่า "ลองดูที่ report ของ midpoint listing 45 ในโซล่าร์ฟาย" ผมจึงคิดว่าคุณ ... ก็ใช้ Solar Fire เหมือนกัน

ลองเปิด midpoint listing Modulus 45 องศา ตามที่คุณ ... บอกนะครับ เราพบว่า As/Su อยู่ที่ 19 องศา 23 ลิบดา พอมาดูด้านล่างตรงช่วง 18.23 ถึง 20.23 ก็พบว่า
As/Su = As/Ma = Ha/Ap = Ma/Ha = Chiron/Ze = Ju/Vu = Su/Ju = As/Vu = Ap/Ad = Ha/Vu = Mo/Ju = Su/Ha = Ze = Mc/Ve = As/Mo = Mo/Ha = Ne/Ap = Sa/Cu = No/Ve = Ur/Pl = Ma/Ne

จะเห็นว่า ไม่ได้เท่ากับ Chiron, Kr, Ur, Me/Sa แล้ว ซึ่งแตกต่างจากที่คุณ ... ดูเพราะคุณใช้ดวงชะตาที่เวลา 9:08 น. ทำให้ As/Su ต่างกับที่ผมคำนวณราว 2 องศา เลยเกิดเหตุการณ์อย่างที่คุณบอกล่ะครับว่า "องศาผิดกัน ให้ความหมายต่างกันลิบลับ"

เฮ้อ โล่งอก ที่รู้ว่า แพะตัวสุดท้ายชื่ออะไร

Happy Ending

ไม่ว่าจะเป็น Solar Fire v.5 หรือ v.6 หรือ 7 หากใช้ animation chart ก็จะได้ผลเหมือนกันแหละครับ คือ 09:08

แต่ใน Solar Fire มีวิธีหา Solar Ingress อีกที่หนึ่ง ซึ่งจะใกล้เคียงกับปฏิทินโหราศาสตร์ที่พิมพ์เผยแพร่กัน(วิธีเดียวกับที่คุณ Pallas ใช้นั่นแหละ คือ 09:19:27) ผมเข้าใจว่านักโหราศาสตร์ก็ใช้แบบนี้กันมาโดยตลอด สังเกตุจากข้อมูลที่ได้มีการเผยแพร่ตามเวบไซต์ต่างๆ

การคำนวณตำแหน่ง Solar Ingress ด้วยโปรแกรม Solar Fire เคยมีคนถามไว้ในอีกเวบหนึ่ง ผมได้แนะนำไปแล้วคือ ใช้เมนู Chart >Return & Ingress (หรือกดปุ่ม F5) โปรแกรมจะเปิดหน้าต่างใหม่ ให้เลือกที่ Advance & Ingress... แล้วกดปุ่ม Option ซึ่งจะเปิดอีกหน้าต่างหนึ่ง เลือก Sun และ Check ที่ Position or Ingress เลือก ราศีมกร (00ฐcp00"00")

เรื่องการคำนวณตำแหน่ง Solar Ingress นี่ ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าเหตุใดด้วยวิธีการคำนวณปกติ จึงไม่ตรงกับปฏิทินโหราศาสตร์ที่พิมพ์แจ้งออกมา เพราะคำนวณแล้ว จะมากกว่าการคำนวณที่ 0:00:00 อยู่ประมาณ 8-9 นาที เป็นส่วนมาก ซึ่งผลคำนวณจะเป็นประมาณ 00:00:21 เดิมโปรแกรมยุเรนัสก็ใช้ 00:00:00 แต่เนื่องจากมีผูสอบถามมามากว่าทำไมไม่ตรงกับปฏิทิน หรือ โปรแกรมอื่น ผมจึงลองปรับใช้เป็น 00:00:21 จนถึงปัจจุบันนี่แหละ เพราะก็ถือว่าให้เป็นไปตามที่นักโหราศาตร์ใช้ตามสถิติ

ผมสันนิษฐานว่าอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการเผื่อเพื่อชดเชยการหักเหของแสง หรือ มิฉะนั้นก็อาจเป็นเรื่องของการเดินทางของแสงมายังโลก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 8-9 นาที(ข้อสันนิษฐานส่วนตัวครับ)

ในเมื่อนักโหราศาสตร์ใช้กันมาตามปฏิทิน ผมก็อนุโลมใช้ตาม แต่ก็คงจะเผื่อชดเชยเรื่องยอมให้มีความคลาดเคลื่อนได้บ้างครับ

ที่จริงผมก็งงกับ สมการตาม คห.10 อยู่เหมือนกัน เพราะลองคำนวณแล้วมันก็หาไม่เจอว่า จะเท่ากับ kr+kr-me และ sa+ur-kr ในมุมฮาร์โมนิค 16(22:30) จึงเ้ข้าใจว่าท่านจะใช้ในมุมฮาร์โมนิค 32(11:15) ซึ่งในระยะเชิงมุมขนาดนี้ และ กับจุดอิทธิพลหากจะใช้กันจริงๆคงต้องคำนิึงถึงระยะวังกะที่น้อยมากๆ

ส่วนสมการ as/su=as/vu (ผู้อื่นเหนือกว่า) เนื่องจาก vu ทำมุม 180 กับ su(วังกะ 0:23) จึงไม่แปลกที่เราจะพบว่า as/su=as/vu ไม่ว่าลัคนาจะอยู่ที่ใด ดังนั้นหากเป็นมุมมองของเขมร ผูกดวงที่พนมเปญ ย่อมจะได้ว่า as/su=as/vu ปัญหาคือ "ผู้อื่นเหนือกว่า" นี้จะแปลว่าใครเหนือกว่าใครกันล่ะ หากใช้สมการดังกล่าว อันนั้นเป็นข้อสังเกตุที่เราจะพิจารณาใช้สมการ เพราะผมถึงว่ามันจะเป็นภาพลวงตา

สำหรับ Chiron ผมไม่ยังไม่แสดงความเห็นนะครับ เพราะดูเหมือนจะหยุด และให้เป็นแพะกันไปแล้ว ผมเพียงแก้ต่างให้ Solar Fire ว่าคงจะไม่น่าเป็นแพะในกรณีนี้น่ะครับ เพราะการคำนวณมีทั้ง 2 วิธี คงขึ้นกับผู้ใช้จะเลือกใช้เสียกระมัง

ส่วนภาพดาวในวันตัดสินคดีพระวิหารในระยะนั้นเราจะพบว่า 15/06/2505 มีโครงสร้าง Grand Cross ของ เสาร์-เนปจูน-ฮาเดสอังคาร-ราหู ปัจจัยราหูน่าจะเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ได้ และในปีนี้ดวง Solar Return ของวันตัดสิน ปรากฏว่า อาทิตย์บวกโค้งจรมาทับราหู จึงเข้ากับโครงสร้าง Grand Cross พอดีเลย น่าจะมองเห็นถึงการทำงานบางอย่าง แม้เราจะพิจารณา Chiron หรือไม่ก็ตาม(แต่ผมยังไม่ได้ทำนายเรื่องจะเสียดินแดนหรือไม่อย่างไรนะครับ)

กระทู้นี้ถ้าจะจบก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันนะครับ มีประเด็นน่าสนใจอยู่เยอะเชียว

ยังไม่ได้ปิดกระทู้ครับ เพียงแต่จบเรื่องของแพะ

หากยังมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็สามารถแสดงความเห็นได้ ส่วนผมจะขอเป็นผู้อ่านไปก่อน จังหวะดีๆจะเขียนเรื่องใหม่ๆมาอีกครับ

ผมลองใช้ animate chart บน Solar Fire (ของผม v.7.3.1) ตั้งแต่ 0.00 น.ของ 22/12/1961 จนกระทั่งอาทิตย์เข้า 0 Cp 00 ก็ได้ 9:20 น. นะครับ

แป่วววว พลาดซะแล้วผม พอดีผมเคยลองกับ Solar Fire 7 gold  เป็นรุนทดลองใช้ ตอนเขียนโปรแกรม เห็นว่ามันไม่ตรงกับ ฟังก์ชั่น Ingress เหมือนๆกับ รุ่น 5 หรือ 6 ก็เลยคาดว่าคงเหมือนกัน อาจเป็นเพราะรุ่นทดลองไม่ได้ใช้ file ของ swiss ephemeris โดยตรง ใช้แค่ api เท่านั้น แสดงว่า Solar fire 7.3 คงมีการปรับปรุงไปแล้ว

อย่างไรก็ดีแสดงว่า การใช้ Solar Ingress ในกรณีนี้ก็ควรจะเป็น 09:19 น่าจะเป็นอันที่ได้รับการยอมรับมากกว่า สมมุติฐานหลายอย่างในการพิจารณาจึงอาจเปลี่ยนไป สินะ

หากพิจารณาดวง เหมายัน 22/12/2505 09:19 ผูกดวงที่ กทม.กลายเป็นว่า ลัคนากุมพฤหัสเลยเชียว และสัมพันธ์ใกล้ Chiron ในมุม 22:30 แต่วังกะเกือบองศาครึ่ง

ส่วนหากผูกดวงที่ พนมเปญ ลัคนาจะใกล้จุดจุลทวาร คือทำมุม 45 กับ อาทิตย์และเมษ

ลัคนา กทม. 08 กภ 46 ส่วนลัคนาพนมเปญ 14 กภ.13 ห่างกันอยู่ 5:27 องศา นับว่ามีความแตกต่างกันอยู่มากเพียงพอที่จะพิจารณาได้อยู่เหมือนกัน ซึ่งต้องดูที่รายละเอียดต่อไป ว่าดวงเหมายันนี้จะอธิบายเรื่องการตัดสินคดีของศาลโลกอย่างไร

เอาภาพวงโคจรดาว Chiron และ Asteroids อื่นๆ มาฝากครับ สังเกตุว่าวงโคจรมาตัดกับดาวเสาร์ด้วย ส่วนสีส้มคือ Asteroids ต่างๆ ทั้ง Juno Vesta Pallas ก็อยู่ในนี้ด้วย และยังมีดวงอื่นๆอีกเยอะ

ดวงที่Pallas พิจารณา

ดวงอาทิตย์ยกเข้าราศีมกรในปีนั้น ตรงกับ 22 ธ.ค. 1961 เวลา 9:19 น.ตามเวลามาตรฐานไทย ณ กรุงเทพมหานคร

อุ๊ยยย ผิดอีกแล้ว ขออภัยครับ ผมพิมพ์ผิด แต่ดวงที่พิจารณาก็ใช้ดวงเดียวกับที่ Pallas ใช้นั่นแหละครับ คือ 22/12/1961 09:19 ผูกดวงทั้งที่ กทม. และ พนมเปญเปรียบเทียบกัน

อีกจุดหนึ่งที่เราสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาความแตกต่างได้ก็คือ ลัคนาและเมอริเดียนท้องถิ่น เพราะเมืองหลวง 2 ประเทศ ตั้งอยู่บน Lat Long ต่างกัน

กรุงเทพ ลัคนาท้องถิ่น(LA) = 10 ตล 21 เมอริเดียนท้องถิ่น(LM) = 09 กฏ 40
พนมเปญ ลัคนาท้องถิ่น(LA) = 14 ตล 53 เมอริเดียนท้องถิ่น(LM) = 13 กฏ 44

ส่วนผลการพิจารณาใครจะดี จะเสียอย่างไรก็ลองดูนะครับ ผมเพียงพิจารณาความต่างให้เห็นเท่านั้น

สำหรับเรื่องของ Asteriods ผมมีความเห็นส่วนตัว เป็นข้อสังเกตุบางอย่าง

กรณีของ Asteroids อย่าง JUNO PALLAS CERES VESTA นี้ มีการค้นพบนานแล้วตั้งแต่ 1800 กว่าๆ แต่ก็ไม่ค่อยจะมีนักโหราศาสตร์ยูเรเนียนใช้มากนัก(มีบ้าง แต่ไม่มาก) ทั้งสีดวงมีระยะเวลาโคจรประมาณ 4-6 ปี นอกจากนี้ก็มี Asteriods ในวงโคจรระยะนี้อีกมากมายแทบจะเรียกว่ารวมกันเป็น Belt กั้นระหว่าง ดาวเคราะห์ Inner กับ Outer เลย หากเรามองเป็นจุดเราจะพบว่า มันจะกระจายไปรอบจักราศีทุกราศีเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงสันนิษฐานว่าอาจทำให้อิทธิพลของดาวในกลุ่มนี้ไม่ค่อยชัดเจนเพราะมันจะกระจายๆกันไปตามกรอบเวลาเดียวกัน คือมีอยู่แต่อาจไม่ชัดเจน น่าจะถือเป็น Miner Planet ในการใช้ประกอบการพิจารณาเสริมจากข้อมูลหลัก ยิ่งหากมาใช้เป็นศูนย์รังสีหรือจุดอิทธิพลหรือปัจจัยสะท้อน ก็ไม่แน่ใจในอิทธิพลที่มีจะใช้ได้แค่ไหน

ส่วน Chiron ที่มีการค้นพบเมื่อ 1978 มีระยะเวลาโคจรประมาณ 50 ปี แต่มีลักษณะวงโคจรที่บางช่วงจะตัดเข้ามาในวงโคจรของดาวเสาร์ จึงอาจทำให้การแสดงอิทธิพลในเชิงความหมายไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนไปได้ในบางช่วงตามระยะของวงโคจร

หากเราพิจาณาเรื่องระยะเวลาโคจรของดาวเคราะห์ในสุริยะจักรวาล จะเห็นว่า ดาวอังคารโคจรประมาณ 2 ปี แล้วกระโดดไปพฤหัส 12 ปี ดาวเสาร์ 30 ปี แล้วกระโดดไปยูเรนัสประมาณ 84 ปี จะเห็นว่าในอนุกรมของวงโคจร มันมีส่วนที่ขาดช่วงไป ซึ่ง ชุดของ JUNO ฯลฯ และ Chiron มาเติมเต็มตรงนี้พอดี โดยเฉพาะ Chiron นั้น ผมคาดว่านักโหราศาสตร์คลาสสิค แทบจะรอให้มีมาเลย พอมีการค้นพบก็รีบบรรจุมาใช้ทันที การเพิ่มเข้ามาก็คงเป็นไปตามปรัชญาการพยากรณ์ เพื่อให้มี Transit เป็นเครื่องมือมาใช้ได้หลากหลายมากขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ด้วยเทคนิคการทำนายในลักษณะวงรอบ ของโหราศาสตร์คลาสสิคจึงทำได้เต็มที่มากขึ้น เพราะมีวงรอบให้เลือกใช้ได้หลากหลาย ยิ่งถ้าผสมในลักษณะการมีเชิงมุมต่อกันของคู่ดาว จะยิ่งมีวงรอบให้เลือกพิจารณามากขึ้น ปัจจัย Transit ก็ไม่ขาดช่วงเวลา

ส่วนเทคนิคของโหราศาสตร์ยูเรเนียนในระบบพระเคราะห์สนธิ อาจไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มปัจจัยอื่นเข้าไปแล้ว เพราะด้วยเทคนิคการสร้างสมการศูนย์รังสี หรือจุดอิทธิพล ก็สามารถพิจาณาวงรอบกรอบเวลาได้หลายหลายมากขึ้น เช่น อีกทั้งด้วยเทคนิคของ Secondary Direction เช่น โค้งสุริยาตร์ก็ทำให้เกิดโค้งสำคัญต่างๆ ครึ่งโค้ง 2 เท่าของโค้ง มาช่วยในการพิจารณาได้หลากหลายขึ้นอีก และหากพิจารณาในแง่ความหมายในเชิงปรัชญา ก็มีเพียงพอตั้งแต่เกิดจนตาย อดีตปัจจุบัน ไปจนถึงชาติหน้าแล้ว ยิ่งเมื่อผสมความหมายของสมการก็ยิ่งมากมาย

อย่างไรก็ดี จะใช้ได้หรือไม่ได้อย่างไร มันอยู่ที่ผลการใช้พยากรณ์ว่าได้ผลหรือไม่ มากกว่าครับ แมวดำหรือแมวขาว ถ้าจับหนูได้ก็ใช้ได้ทั้งนั้น

ก็เป็นข้อสังเกตุ นำเสนอเพื่อให้ลองพิจารณาดูนะครับ สำหรับผมก็ยังไม่ได้ใช้ปัจจัยเหล่านี้ แค่เหล่ๆดูบ้าง เพราะด้วยเทคนิคที่ใช้พระเคราะห์สนธิในปัจจุบัน ก็ยังรู้สึกว่าเอาอยู่ และสนุกเพียงพอกับความต้องการอยู่แล้ว(ที่จริงออกจะมากเกิน จนต้องพยายามคัดกรองออกไปซะด้วยซ้ำ)

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้อ้างอิงหลักทฤษฎีใดๆ

ด้วยความเคารพในศาสตร์แห่งการพยากรณ์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสียดินแดนของไทยในอดีต   ได้พบเรื่องราวที่สามารถจะนำมาใช้อ้างอิงเรื่องวงรอบได้ แต่ขอเวลาเขียนก่อน เพราะเรื่องพระวิหาร ยังรอได้ ยังไงปีนี้ก็ไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรมากกว่าเรื่อง การเมืองหลังเลือกตั้ง (จะมีหรือเปล่า ก็ไม่รู้) ... ฮา คนเดียว

วิเคราะห์เอาไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เรียบเรียงให้คนทั่วไปได้อ่าน จะมีก็แต่ "คนวงใน(ห้องเรียน)" เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้แล้ว ....ฮาอีกแล้ว

แนะนำทัวร์กัมพูชาน่าสนใจให้หน่อยค่ะ