|
||||||||||
เครื่องหมาย + และ - ในพระเคราะห์สนธิ | |
อาทิตย์+พลูโต-พฤหัส แปลว่า อาหาร แล้วถ้า (-อาทิตย์)-พลูโต-พฤหัส,อาทิตย์+พลูโต+พฤหัส จะแปลว่า.......เหมือนกันหรือเปล่า การให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับอาชีพของเจ้าชะตา(คำถามปราบเซียน)ควรจะวิเคราะห์จากจุดใดบ้างเพื่อให้เข้าใกล้กับความจริงมากที่สุด เช่น คุณให้คำพยากรณ์ว่าเจ้าชะตาควรประกอบอาชีพค้าขาย......ขายอะไรล่ะ?....จึงจะสอดคล้องกับพื้นดวง กรุณาช่วยชี้แนะด้วย ขอบคุณ | |
ผู้ตั้งกระทู้ นินจาเจ้าสำราญ :: วันที่ลงประกาศ 2007-01-08 14:43:49 IP : 61.7.151.44 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (480052) | |
หลักการของคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ คือ การเอาความหมายหรืออิทธิพลของปัจจัย (ดาว) มาผสมกันเพื่อให้เกิดความหมายหรืออิทธิพลใหม่ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะรวมด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์อย่างไร เครื่องหมาย + หรือ - หรือ / ไม่ใช่สาระในการแปลความหมายหรืออิทธิพล เพียงแต่การตั้งปัจจัยที่จะมาผสมกันนั้นจะได้จุดอิทธิพลที่ตำแหน่งไม่ตรงกัน เช่น A+B-C = D B+A-C = E ตำแหน่งของ D และ E จะไม่ใช่จุดเดียวกัน แต่ความหมายจะเหมือนกันหรือคล้ายกัน คือเป็นจุดอิทธิพลเพื่อไปหาคำตอบของเจ้าชะตาว่าจะประสบเหตุการณ์นั้นเมื่อใด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย วันที่ตอบ 2007-01-08 16:41:15 IP : 202.44.210.36 |
ความคิดเห็นที่ 2 (480067) | |
2. พยากรณ์เกี่ยวกับอาชีพของเจ้าชะตา(คำถามปราบเซียน)ควรจะวิเคราะห์จากจุดใดบ้างเพื่อให้เข้าใกล้กับความจริงมากที่สุด คำถามนี้ตอบยากจริงๆ ครับ เพราะที่พบคือ อาจใช้การวิเคราะห์หลายจุด เช่น เจ้าชะตาจะประสบความสำเร็จ(พฤหัส) ด้วยปัจจัยอะไร งานที่ทำแล้วได้เงิน หรืองานที่ชอบ เพราะงานที่ชอบ กับงานที่ทำแล้วได้เงิน หรือสำเร็จ อาจไม่ใช่ตัวเดียวกันก็ได้ ก็ต้องพิจารณาอีกว่า สิ่งแวดล้อม (ลัคนา) ที่เจ้าชะตาต้องเจอมีลักษณะแบบไหน ดังนั้นคงไม่มีสูตรสำเร็จแบบง่ายๆ หากใช้ในการวิเคราะห์เบื้องต้น ผมแนะว่าใช้การอ่านดาวในเรือน กับราศี เป็นพื้นฐาน เพื่อได้ภาพใหญ่เสียก่อน (ซึ่งอาจจะได้ข้อมูลเพียงพอแล้วก็ได้) จากนั้นค่อยย่อยลงรายละเอียดอย่าง ศูนย์รังสี อาทิตย์/พฤหัส หรือ อังคาร/พฤหัส แล้วค่อยพิจารณาว่าความหมายทางปรัชญาแล้ว สามารถบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Phainon วันที่ตอบ 2007-01-08 16:55:26 IP : 61.90.143.85 |
ความคิดเห็นที่ 3 (480092) | |
สมัยก่อนโน้นที่ อ.มานิต (สุดยอดนักคำนวณทางโหราศาสตร์ของไทย) ท่านยังมีชีวิตอยู่ ผมเคยไปเยี่ยมท่านที่บ้าน(เป็นร้านขายยา) เพราะผมสนใจ casio ที่ท่านทำให้คำนวณสมผุสดาวได้ คุยกันไป ท่านก็ถามผมว่าทำไมไม่ใช้ ดาว+ดาว+ดาว ดาว-ดาว-ดาว อะไรอีกมากมายตามแบบของนักคำนวณ ผมก็ตอบไม่ได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งในชั้นเรียน อาจารย์ เฉลยเรื่องนี้ครับ ทุกอย่างก็กระจ่าง ขอจบห้วน ๆ เลย เดี๋ยวมีคนถามอีกว่าอาจารย์คือใคร | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2007-01-08 17:30:48 IP : 125.24.195.137 |
ความคิดเห็นที่ 4 (480095) | |
อาชีพการงานพิจารณา 2 ส่วน 1. เก่ง 2. เฮง จบห้วน ๆ อีกเช่นเคย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2007-01-08 17:35:49 IP : 125.24.195.137 |
ความคิดเห็นที่ 5 (480418) | |
คำถามหลายคำถามที่เห็นตามกระทู้ต่างๆ ทำให้เห็นบางสิ่งบางประการว่า 1. หากผู้ที่ถามมีการร่ำเรียนมาจากอาจารย์ท่านใดท่านหนึ่ง แสดงว่า 1.1 อาจารย์อาจจะสอนไม่ครบถ้วนในสิ่งที่ควรสอน 1.2 อาจารย์อาจจะยังสอนไม่ถึงแต่ผู้เรียนใจร้อนอยากรู้ก่อน เพราะเที่ยวเก็บตกความรู้จากตามที่ต่างๆ 1.3 อาจารย์สอนแล้วแต่ไม่จำหรือจำไม่ได้ หรืออยากหาแนวคิดจากแหล่งอื่นๆบ้าง 1.4 เป็นการถามเพื่อลองภูมิว่ามีใครรู้บ้างหรือไม่ 2. ผู้ที่ถามไม่ได้ร่ำเรียนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ คือประเภทซื้อหนังสือมาอ่านเอง อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะถามใครเพราะไม่มีอาจารย์ ก็เลยต้องมาหาเก็บตกจากเวบบอร์ด ไม่ว่าผู้ถามจะถามด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากผมมีเวลา และเห็นว่าการตอบจะทำให้เกิดประโยชน์ ผมก็จะเข้ามาตอบมาบอกให้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย วันที่ตอบ 2007-01-09 00:20:03 IP : 125.25.204.180 |
ความคิดเห็นที่ 6 (480426) | |
อ.วิโรจน์ เยี่ยมมากครับ สมกับเป็นผู้สืบถอดจากวิชาต่อจาก อ.ประยูร ผมอ่านที่อ.วิโรจน์เขียนทีไรนึกถึง อ.ประยูร ทุกที | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2007-01-09 01:01:01 IP : 125.24.195.137 |
ความคิดเห็นที่ 7 (480428) | |
เรื่อง ดาว+ดาว-ดาว นั้นมีหลักมาจากศูนย์รังสีต้องขึ้นจากคำนวณหรือมีภาพให้ดูถึงจะเข้าใจ สมมุติมีศูนย์รังสีสองคู่แบบนี้ A----|----B C----|----D ดาว+ดาว-ดาว ก็คือ A+B-C=D หรือ A+B-D=C หรือ C+D-A=B หรือ C+D-B=A เพราะฉะนั้นจะใช้ A+B+C+D ก็จึงไม่มีที่มาที่ไปของศูนย์รังสีเหมือน A+B-C=D อาจารย์เขียนศูนย์รังสีบนกระดานใช่คำว่าเหมือนกับฉัตร ผิดถูกยังไง อ.วิโรจน์ ช่วยเสริมได้ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2007-01-09 01:16:13 IP : 125.24.195.137 |
ความคิดเห็นที่ 8 (480429) | |
ก่อนจะเข้าเรื่องขอเล่าถึงที่มาความรู้นี้สักหน่อย จำได้ว่า "การพิจารณา อาชีพการงาน" เป็นหลักสูตรพิเศษที่ อ.ประยูร เปิดสอนให้กับผู้จบหลักสูตรพื้นฐานแล้ว แต่ผมสมัยนั้นเป็นวัยรุ่นกำลังเรียนอยู่ (ไม่มีตังค์ว่างั้นเถอะ) แอบไปฟังที่เขาเรียนกัน อ.ประยูร เห็นก็ไม่ว่าอะไรแถมส่งชีตประกอบการเรียนให้ผมด้วย สาธุ อ.ประยูร การพิจารณา อาชีพการงาน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2007-01-09 01:33:39 IP : 125.24.195.137 |
ความคิดเห็นที่ 9 (480432) | |
อ่านความเห็นของคุณ nUm แล้วนึกถึงตอนที่ผมกำลังตอบกระทู้ และคุยกับคุณ Pallas ว่าจะตอบให้ง่ายๆ สั้นๆอย่างไรดี เพราะ ลัคนา ก็ดู เรือนที่ 2 การเงิน ก็เกี่ยว เรือนที่ 3 การติดต่อ ก็สำคัญ เรือนที่ 4 ก็สัมพันธ์ถึง ลัคนา เมอริเดียน เรือนที่ 5 การลงทุน เรือนที่ 6 ลูกน้อง อาชีพประจำ เรือนที่ 7 เจ้านาย ลูกค้า คู่สัญญา หุ้นส่วน เรือนที่ 8 ปัญหา หรือการสูญเสีย เรือนที่ 9 เป้าหมาย เรือนที่ 10 สถานะภาพทางสังคม .....สรุปครบทุกราศี จุดเจ้าชะตาอีก อังคาร เรื่องงาน ศุกร์ เรืองเงิน เสาร์เรื่องอุปสรรค พฤหัสเรื่องความสำเร็จ พุธเรื่องการติดต่อ เจรจา การค้าขาย.....สรุปครบทุกดาว ดังนั้นการพยากรณ์อาชีพ มั่นใจได้เลยว่าไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอน ต้องวิเคราะห์ทั้งดวงชะตาเสียก่อนเท่านั้น แต่เรื่อง A+B+C=D ไม่มีที่มานี้ ผมขออนุญาติแสดงคิดเห็นที่แตกต่างหน่อยนะครับ เพราะอ.ประยูรกล่าวไว้ในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิว่า วิตเตอร์ใช้ความรู้เรื่องของการสะท้อนพัฒนาจุดอิทธิพลขึ้นมา 6 แบบเพื่อใช้ในการพยากรณ์ แต่อ.ประยูร กล่าวตอนท้ายว่าในทางปฏิบัติแล้ว นิยมใช้กันเฉพาะ 4 พวกแรก ผมเคยนั่งสรุปวิธีคำนวนของ พระเคราะห์สนธิทั้ง 6 ในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิไว้ แบบ 1. จุดสะท้อน 2. A/B midpoint 3. A+A-B คือ การสะท้อนของดาว B บนแกน A 4. A+B-C 5. จุดกรกฏ + A + B คือ (กรกฏ + A - เมษ) + B - เมษ ซึ่งก็คือการใช้ ปัจจัยในพระเคราะห์สนธิ ที่เป็นพระเคราะห์สนธิอีกที นั้นเอง โดยนำจุดเมษ กับกรกฏ มาเกี่ยวข้องด้วย 6. A+B+C คือ A + (B + C - เมษ) - เมษ ซึ่งก็เป็นการนำใช้ปัจจัยในพระเคราะห์สนธิ ที่เป็นพระเคราะห์สนธิ เช่นกัน ซึ่งก็ตรงกับความหมายของจุดอิทธิพลที่ ท่านให้ไว้ว่า จุดบนท้องฟ้าซึ่งเกิดขึ้นเพราะการผสมอิทธิผลกันระหว่างดาวพระเคราะห์ หรือปัจจัยต่างๆ ซึ่งจำนวนนับไม่ถ้วน จากคำจำกัดความนี้ สูตร (A/B)+C-D=E ก็ถือว่าเป็นพระเคราะห์สนธินำมาใช้พยากรณ์ได้เช่นกัน ในหนังสือของ Maria Kay Simms มีแนะนำการใช้สูตร Sums A+B เสริมจาก half sum (Midpoint) แถมด้วย A/B+C (นำปัจจัยมา sum กับดาวอื่นอีกครั้ง) ถ้าให้วิเคราะห์ ก็คงมาจากสูตร A+B-เมษ นั้นเอง เพราะว่าเมษ = 0 องศา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Phainon วันที่ตอบ 2007-01-09 02:50:50 IP : 58.8.4.97 |
ความคิดเห็นที่ 10 (480548) | |
แจ๋วครับ อย่างที่ว่าไว้ทำไมถึงชอบที่นี่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2007-01-09 10:01:34 IP : 125.24.195.137 |
ความคิดเห็นที่ 11 (480690) | |
ในการพยากรณ์นั้น สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงตลอดเวลาก็คือ อิทธิพลความแรงของปัจจัยที่ใช้อ่านหรือพยากรณ์ สิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาคือ ปัจจัยเดี่ยว ซึ่งจะให้อิทธิพลมากที่สุด ได้แก่ จุดเจ้าชะตา ดาวพระเคราะห์และดาวทิพย์ในราศีหรือเรือนชะตาต่างๆ จากนั้น หากยังต้องการหาหรือต้องการทราบอิทธิพลพิเศษ ก็ค่อยๆเลื่อนลำดับการตรวจดวงชะตาไปที่ ศูนย์รังสี คือ ปัจจัย 2 ปัจจัย แล้วจึงไปที่ สมการ 3 -4-5-6 .... ปัจจัย สิ่งสำคัญคือ การพยากรณ์ด้วยส่วนผสมของปัจจัยยิ่งมาก อิทธิพลยิ่งน้อย ยกเว้น จุดอิทธิพลที่มีความหมายเฉพาะ เช่น อาชีพเฉพาะ หรือเหตุการณ์เฉพาะที่ ปัจจัยเดี่ยวไม่สามารถบอกเหตุการณ์นั้นได้ เช่น บุคคลเพศชาย คืออาทิตย์ ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไรก็ตาม อาทิตย์ก็คือ กายสังขารของเจ้าชะตาอยู่เสมอ เมื่อแต่งงาน อาจจะใช้ อาทิตย์/อังคาร เป็นจุดแสดงกรรมว่า เจ้าชะตาแต่งงานแล้วเป็นปัจจัยเสริมในดวงชะตา จะใช้เมื่อ การตรวจตำแหน่งอาทิตย์แล้วยังไม่ได้คำตอบ ดังนี้เป็นต้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย วันที่ตอบ 2007-01-09 14:27:09 IP : 202.44.210.36 |
ความคิดเห็นที่ 12 (480852) | |
เรื่องพยากรณ์อาชีพการงาน อาจารย์วิโรจน์เพิ่งสอนในห้องเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าสามารถใช้เรื่อง อัฒจักร คุณะ และธาตุ มาพิจารณาได้ด้วยครับ กล่าวคือ อัฒจักร ชุดที่ 1 แบ่งเป็น กลางวัน กับ กลางคืน โดยใช้แกนลัคนา-อัสตลัคนา อัฒจักร ชุดที่ 2 แบ่งเป็น ตะวันออก กับ ตะวันตก โดยใช้แกนเมอริเดียน-เมอริเดียนล่าง ขั้นต่อไป อาจแบ่งเป็น 3 พวก หรือ คุณะ คือ จรราศี สถิรราศี อุภยราศี หรืออาจใช้การแบ่ง 4 พวกเพื่อกลันกรองให้แคบเข้าอีก คือ ธาตุสี่ ไฟ ดิน ลม น้ำ รายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎีเหล่านี้ ถ้าไม่ได้เรียนโดยตรงกับอาจารย์ ลองหาหนังสือ ทฤษฎีการพยากรณ์ ของอาจารย์ประยูร พลอารีย์ ก็อธิบายเรื่องเหล่านี้ไว้โดยละเอียดครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Pallas วันที่ตอบ 2007-01-09 17:27:04 IP : 125.25.135.185 |
ความคิดเห็นที่ 13 (484079) | |
ดูๆไป คล้ายๆคุยคนละเรื่องเดียวกัน ฝ่ายหนึ่งเข้าใจว่าใช้จาน 1 ชั้น อีกฝ่ายหนึ่งใช้จาน 2 ชั้น อีกฝ่ายหนึ่งใช้สมการแก้ หนังทั้งเรื่องเอาเฉพาะบางฉาก บางซีน มาคุย มาวิจารณ์ ซึ่งก็ถูกทุกมุมทุกท่านเพราะอธิบายตามความเข้าใจของเขาเอง แล้วสุดท้ายหนังเรื่องอะไร คนดูยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แหย่ รังแตน วันที่ตอบ 2007-01-14 14:02:16 IP : 58.147.91.26 |
ความคิดเห็นที่ 14 (486283) | |
ขอบพระคุณมากทั้ง 13 ความเห็น ที่ช่วยให้ความกระจ่างทางวิชาการ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นินจาเจ้าสำราญ วันที่ตอบ 2007-01-17 15:22:21 IP : 61.7.160.237 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 622799 |