ขอบคุณสำหรับคำชมครับ

เรื่อง Lord of the Ring ผมก็ชอบครับ แต่ชอบเวอร์ชั่นภาพยนตร์ เพราะเวอร์ชั่นที่เป็นหนังสือ เรื่องราวซับซ้อนไปหน่อย ผมอ่านไม่เคยจบเลยครับ พอมาเป็นหนัง ผู้กำกับตีความให้ง่ายขึ้นเลยดูสนุกครับ แต่ก็คิดไว้เหมือนกันว่าจะตะลุยอ่าน Lord of the Ring ให้จบให้ได้ เพราะเป็นวรรณกรรมคลาสสิคจริงๆ

ส่วนเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ อ่านง่ายกว่าเยอะเลยครับ อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งเขียนก็ได้ ภาษาที่ใช้เลยร่วมสมัยกว่า

ที่แปลกก็คือ หลานๆของผมอายุ 3-6 ขวบ ชอบหนังลอร์ดออฟเดอะริง มากกว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ อาจเป็นเพราะสำหรับเด็กแล้วท่าฟันดาบกับท่ายิงธนูอาจจะดูเท่ห์กว่าท่าแกว่งไม้กายสิทธิ์ก็ได้ครับ :)

เจ้ายักษ์ ดัดลีย์ เดอรสลีย์ ล่ะคะ เดือนมิถุน แต่ไม่เห็นเข้ากะบุคลิค ดัดลี่ย์เลยอ่ะคะ

ดัดลีย์ เดอรสลีย์ (ลูกพี่ลูกน้องของแฮร์รี่) เกิด 23 มิถุนายน  ถือว่าอยู่ราศีกรกฏแล้วครับ (อาทิตย์อยู่ประมาณ 1 องศา)

โดยลักษณะโดยทั่วไปของราศีกรกฏ คือ ความอ่อน ซึ่งก็ตรงกับลักษณะพฤติกรรมของดัดลีย์ ที่เป็นคนอ่อนไหวง่าย ไวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่แน่นอน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มีพฤติกรรมแบบเด็กๆ

วันที่เท่าไร ราศีอะไรลองเปรียบเทียบได้ง่ายๆ จากคอลัมภ์ ดูดวง รายเดือน ครับ จะมีบอกอยู่ว่า 12 ราศีมีระยะเวลาจากวันไหนถึงวันไหนครับ

ลองดูจากเดือนล่าสุดก็ได้ครับ ที่นี้ http://www.horauranian.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=5&Id=525243

งั้นคนเกิดต้นราศี เช่น 21 มิย  คงรวมเอาทั้ง ความหมายของ ราศี มิถุน และ ราศี กรกฏ รวมกัน คงสับสนกับชีวิตมั่งแหล่ะ ... และ คนที่เกิด กลางราศี  บุคลิกภาพ จะแสดงออกตาม ความหมายของราศีชัดเจนกว่า  ไช่ไม๊คะ

ด้วยลักษณะของการโคจรของดวงอาทิตย์ เมื่อเทียบกับโลก จะเป็นการโคจรไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่ถอยหลัง ดังนั้นหากเราจะพิจารณาลักษณะบุคลิกของแต่ละราศีก็จะต้องใช้หลักการมองไปข้างหน้าเสมอ

เช่นเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลครับ ยกตัวอย่าง เมื่อจะเข้าหน้าร้อน อากาศก็เริ่มร้อนๆ ตอนแรกๆ แต่จะร้อนขึ้นทุกวัน พอเข้ามาสักกลางฤดูนี้ คราวนี้ร้อนไม่บันยะบันยัง แต่อากาศก็ไม่ได้ร้อนขึ้น หรือเย็นลง เรียกว่าร้อนคงที่ และเมื่อปลายหน้าร้อน ก็จะรู้สึกว่าร้อนน้อยลง อากาศเริ่มค่อยๆเปลี่ยนแล้ว เตรียมตัวเข้าสู่ฤดูต่อไป

และด้วยหลักการนี้ก็นำไปสู่ หลักการเรื่อง คุณะของแต่ละราศี ซึ่งแบ่งออกเป็น

จรราศี(Cardinal) แรงสุด ไม่มีการยับยั้ง 

สถิรราศี(Fixed) แรงปานกลาง สม่ำเสมอ

และอุภยราศี (Mutable) แรงน้อยที่สุด เป็นระยะๆ

คราวนี้เรามาใช้หลักปรัชญามาใช้พิจารณาในระดับราศี (เพราะด้วยปรัชญาทางโหราศาสตร์แล้ว เบื้องบนเป็นอย่างไร เบื้องล่างเป็นอย่างนั้น)

 เราสามารถนำคนที่อยู่ต้นราศี เปรียบได้กับต้นฤดู เช่น ฤดูร้อน อากาศจะร้อนขึ้นทุกวันอย่างเห็นได้ชัด อุณหภูมิจะขึ้นทุกวันในช่วงต้นฤดู ดังนั้นคนที่เกิดช่วงนี้ก็จะมีลักษณะบุคลิกการของราศีนั้นรุนแรงกว่า เพราะเป็นการเริ่มต้นที่จะมีลักษณะอย่างราศีนั้น เขาจะมีพลังในการพลักดันบุคลิกดังกล่าวออกมาได้สูง เราจะรู้สึกถึงช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ง่ายลองนึกถึงกราฟที่พุ่งขึ้นจากเส้นแกนราบ

คนที่เกิดกลางราศี ก็มีลักษณะคงที่ เรื่อยๆ มีลักษณะบุคลิกภาพอย่างราศีนั้นอย่างสม่ำเสมอ คงที่ เปรียบได้กับช่วงกลางฤดูครับ เช่น ตอนหน้าร้อน เราไม่รู้สึกถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้น หรือลดลง เท่าไร

คนที่เกิดปลายราศี ก็จะมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงเข้ามาเพิ่มขึ้นแล้ว ลักษณะราศีเดิมก็ลดๆลง เพราะอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่อีกราศีหนึ่ง เหมือนกับช่วงปลายฤดู เราจะเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ แต่ไม่ชัดเจนนั้น

คนเกิดต้นราศีไม่ต้องรวมความหมายราศีก่อนหน้ามาใช้พยากรณ์ จึงไม่สับสนกับชีวิตครับ

ตัวอย่างของดัดลีย์ถือว่าเป็นราศีกรกฎ โดยไม่ต้องเอาความหมายราศีมิถุนมาผสมเลยครับ

อันที่จริงในแต่ละปี อาทิตย์จะยกเข้าแต่ละราศีแตกต่างกันอยู่บ้าง ถ้าจะให้แน่นอนต้องทราบปีเกิด และเปิดดูปฏิทินปีนั้นว่าอาทิตย์อยู่ราศีอะไรอย่างชัดเจน

ขอบคุณค่ะคุณ Pallas สมมุติว่าเกิด 21 มิย. อาทิตย์อยู่ 29 มิย 36 หมายถึงยังอยู่ราศี มิถุน หรือเปล่าคะ หรือเราเริ่มนับวันตั้งต้นราศีเป็น ราศี กรกฏ เลยคะ  และจะแสดงบุคลิคภาพตาม ราศี และ คุณะอย่างไรคะ รบกวนถามเป็นความรู้ค่ะ

กรณีนั้นเราจะพยากรณ์โดยถือว่าเขาเป็นราศีกรกฎเลยครับ เพราะเหลืออีกไม่ถึง 1 องศาก็เข้ากรกฎแล้ว

เหตุผลจะเป็นไปตามหลักที่คุณ Phainon อธิบายไว้ข้างต้นว่า ช่วงเข้าต้นราศี ลีลาจะรุนแรงโลดโผน ส่วนปลายราศี จะแรงน้อยที่สุด ดังนั้น ผลจากราศีกรกฎจะแรงกว่าราศีมิถุนครับ

ส่วนเรื่องคุณะนั้น ในเบื้องต้น ผมอยากให้ใช้ระดับราศีก่อน คือ จรราศี ได้แก่ เมษ กรกฎ ตุล มกร, สถิรราศี ได้แก่ พฤษภ สิงห์ พิจิก กุมภ์ และ อุภยราศี ได้แก่ มิถุน กันย์ ธนู มีน กรณีที่ยกตัวอย่างมา ก็จะเป็นว่า ราศีกรกฎ ซึ่งก็คือ จรราศี ครับ

สำหรับการแบ่งราศีย่อยลงไปอีก มีหลายทฤษฎีครับ เช่น แบ่งเป็น ตรียางศ์ (ช่วงละ 10 องศา), นวางศ์ (ช่วงละ 3.33 องศา), 12 ช่วง (ช่วงละ 2.5 องศา) เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบยังมีทฤษฎีย่อยลงไปอีก ขอให้เป็นเรื่องพลิกแพลงของแต่ละสำนักก็แล้วกันครับ 

ขอบคุณค่ะ..