ธาตุทั้งสี่ และการนำไปใช้เชิงจิตวิทยา

ผมเองก็แนะนำเพื่อนๆที่เข้ามาขอคำแนะนำเรื่องดวงชะตา ผ่านการทำนายธาตุทั้งสี่นี้แหละครับ ง่ายๆ ได้ผล และยังแนะนำให้ลองไปทดลองใช้กับคนอื่นๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจผู้อื่นด้วย สอนให้อ่านความหมาย และทำความเข้าใจ และเทคนิคการผสมความหมายแบบง่ายๆ วิธีการก็ไม่ยากครับเปิดบทความแล้วอ่านความหมายเอานี้แหละ ตรงไปตรงมานี้แหละ แต่ก็ได้เสียงชมว่าใช้ง่ายดี และตรงมาก

ในบทความนี้ผมขอเล่าประสบการณ์การให้คำปรึกษาดวงชะตาด้วยธาตุทั้งสี่ และการนำไปใช้ในเชิงจิตวิทยา เพื่อเข้าใจธรรมชาติตนเอง และผู้อื่น

นักจิตวิทยาชื่อดัง คาร์ล จุง Carl Gustav Jung (26 July 1875 – 6 June 1961) ศึกษา และนำความรู้ทางโหราศาสตร์ไปใช้งานด้านจิตวิทยา ซึ่ง คาร์ล จุง กล่างถึงโหราศาสตร์ และความสัมพันธ์ทางโครงสร้างจิตใจของมนุษย์ไว้เยอะ มีคำกล่าวหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจทีเดียวคือ

Astrology is of particular interest to the psychologist, since it contains a sort of psychological experience which we call projected - this means that we find the psychological facts as it were in the constellations. This originally gave rise to the idea that these factors derive from the stars, whereas they are merely in a relation of synchronicity with them. I admit that this is a very curious fact which throws a peculiar light on the structure of the human mind. .... Carl G. Jung in 1947 in a letter to prof. B.V. Raman

โหราศาสตร์คือหนึ่งในเรื่องเฉพาะทางที่น่าสนใจต่อนักจิตวิทยา เพราะมันกอปรด้วยชนิดของประสบการณ์ทางจิตวิทยาซึ่งเราเรียกว่าภาพฉาย หมายความว่าเราค้นหาความจริงทางจิตวิทยาจากที่มันมีอยู่ในฟากฟ้า นี่คือต้นธารอันเพิ่มพูนแนวคิดว่า ปัจจัยเหล่านั้นได้รับผลสืบเนื่องมาจากดวงดาวต่าง ๆ อันเป็นแหล่งแห่งที่ความสัมพันธ์กับความ "พ้องพร้อม" (สมคล้อย) ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน ฉันยอมรับว่านี่เป็นความจริงอันน่าสนใจอย่างมากซึ่งทำให้ต้องยอมแพ้ต่อความแปลกประหลาดของแสงต่อรากฐานของมนุษยชาติ... คาร์ล จี. ยุง ในปี ค.ศ. 1947 ในจดหมายที่ส่งไปถึง ศาสตราจารย์ บี.วี.รามัน

คำแปลจาก คุณ อธิ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=394014

ผู้นำสี่ทิศ และธาตุทั้งสี่

ภายในปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาศเข้าค่ายสำหรับผู้ปกครองค่ายหนึ่ง โดยมีองค์ความรู้แนวจิตวิวัฒน์เป็นแกนหลักของเรียนรู้ มีองค์ความรู้หนึ่งที่ผมเห็นแล้วสงสัย และแปลกใจอย่างยิ่ง ว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเหมือนกับความรู้ทางโหราศาสตร์มาก คือ เรื่อง ผู้นำสี่ทิศ ศาสตร์ว่าด้วยการเข้าใจตัวเองและผู้อื่นของอินเดียนแดง แบ่งบุคลิกภาพของผู้คนเป็นสี่ทิศ โดยใช้สัตว์สี่ชนิดเป็นสัญลักษณ์ ได้แก่

● ทิศเหนือ กระทิง มีบุคลิกกล้าได้กล้าเสีย ทำอะไรรวดเร็ว ชัดเจน ปัญหาอยู่นอกตัว โทษคนอื่น รักพวกพ้อง รักความยุติธรรม ฯลฯ

● ทิศใต้ หนู ไวต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง ยืดหยุ่น ให้คุณค่ากับคนอื่นมากกว่าตัวเอง ไม่ชอบกระทบกระทั่ง ฯลฯ

● ทิศตะวันตก หมี รอบคอบ เป็นระเบียบ ยึดหลักเกณฑ์ ไม่ชอบเข้าสังคม ฯลฯ

● ทิศตะวันออก อินทรี คิดนอกรอบ สร้างสรรค์ ชอบความแปลกใหม่ เปลี่ยนแปลงเร็ว ขี้เบื่อ ฯลฯ

แม้ว่าเรื่องทิศนั้นจะไม่ตรงกับความหมายในเชิงโหราศาสตร์ แต่จะเห็นได้ว่าลักษณะของผู้นำแต่ละทิศนั้น ช่างตรงกับลักษณะตามธาตุทั้งสี่ในโหราศาสตร์ 100% เลยทีเดียว

ในหัวข้อลักษณะผู้นำสี่ทิศนี้ กระบวนกรให้พวกเราพิจารณาว่า ตนเองมีลักษณะคล้ายกับทิศใดมากที่สุด และเริ่มแบ่งแยกคนออกไปตามทิศ จากนั้นก็นั่งสนทนากลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนลักษณะนิสัย ความต้องการ และการแสดงออกของแต่ละธาตุ และสลับวงสนทนาไปเรื่อยๆ

การเรียนรู้ครั้งนั้นนอกจากทำให้ผมได้เรียนรู้ลักษณะของผู้นำในแต่ละทิศมากขึ้น จากปากของบุคคลทิศนั้นเอง ยังทำให้เข้าใจความหมายของแต่ละธาตุในเชิงโหราศาสตร์ได้มากขึ้นด้วย

จากการสนทนา ได้ข้อสรุปว่า แต่ละคนจะแสดงออก ทั้งการรับฟัง สื่อสาร คิด วางแผน หรือปฏิบัติ

ตามลักษณะธาตุเด่นของเขา และเมื่อเรารู้ธาตุตัวเรา และธาตุผู้อื่นแล้ว ก็เข้าใจกันและกัน และสามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น

DISC Model

หลังจากค่ายผมค้นหาข้อมูลต่อ พบว่า เรื่องผู้นำสี่ทิศ นี้ มีต้นแบบมาจากการศึกษาพฤติกรรมของบุคคลของ Dr.William Moulton Marston (May 9, 1893 – May 2, 1947) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เป็นเทคนิคเพื่อนการเรียนรู้และเสริมสร้างความสัมพันธ์จากความรู้ความเข้าใจบุคคลิกภาพของบุคคล เรียกโมเดลนี้ว่า DISC Model ประกอบด้วย

● D = Dominance ➞ Results-oriented

○ หรือเป็นพวกกระทิงที่เป็นคนที่ตัดสินใจเร็ว ชอบอิสระ คิดนอกกรอบ ชอบแข่งขัน ชอบเสี่ยง โผงผาง ชอบลุย ยึดตัวเองเป็นหลัก

● I = Influence ➞ Encouragement

○ หรือเป็นพวกอินทรีที่เป็นคนที่ชอบสังคม ทันสมัย กระตือรือร้น หลีกเลี่ยงรายละเอียด ชอบคิด ฝัน วางแผน

● S = Steadiness ➞ People-oriented

○ หรือเป็นพวกหนูที่เป็นคนอดทน สุภาพ เกรงใจคนอื่น ยอมตามใจคนอื่น ประนีประนอม

● C = Conscientiousness ➞ Precise

○ หรือเป็นพวกหมีที่เป็นคนยึดกฏระเบียบ ตัวเลข ข้อเท็จจริง เคร่งครัดในวินัย เหตุผล ละเอียดเกินไป

แล้วองค์ความรู้นี้ละครับ ที่บรรดานักบริหารนำมาใช้ในการบริหารบุคคล นำมาจัดสรรแนวทางการทำงาน การสื่อสาร และการพัฒนาบุคคลการ

และองค์ความรู้เดียวกันนี้ นักจิตวิทยานำมาใช้อธิบายลักษณะการแสดงออกของบุคคล รวมถึงอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างบุคคลที่มีบุคลิกภาพ การแสดงออกที่ต่างกัน ซึ่งทำมาถึงปัญหาทั้งด้านความรัก ครอบครัว และการงาน

ปัจจุบันองค์ความรู้นี้ได้ถูกนำไปใช้ในการบริหารองค์กร มากขึ้นเรื่อยๆ และตระหนักถึงความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับความเชื่อถือ เพราะเป็นองค์ความรู้เชิงจิตวิทยา บางคำแนะนำก็ว่าผู้บริหาร หรือ CEO ยุคใหม่ควรเรียนรู้ด้วยซ้ำ

ในความเห็นผม องค์ความรู้นี้ อยู่กับโหราศาสตร์มาตั้งแต่อดีตกาล เป็นหลักเบื้องต้น เป็นปฐมบทของโหราศาสตร์ด้วยซ้ำ แต่เหตุใดนักศึกษาโหราศาสตร์จึงมักจะละเลยไม่ให้ความสำคัญของธาตุทั้งสี่ และไม่นำไปใช้ประโยชน์ ทั้งที่นักจิตวิทยา ผู้บริหารองค์กรให้ความสำคัญ และนำไปใช้งานจริง

การให้คำปรึกษาด้วยธาตุทั้งสี่ ทั้งเชิงโหราศาสตร์ และจิตวิทยา

คนทั่วไปมักคิดว่าโหราศาสตร์เป็นเรื่องที่ต้องให้คำทำนายทายทัก เป็นเรื่องการพยากรณ์ ผมลองชวนมาคิดใหม่ว่า ถ้าเรานำโหราศาสตร์มาใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใช้โหราศาสตร์เพื่อเข้าใจธรรมชาติของตัวเอง หรือผู้อื่นแทนละ ก็ในเมื่อทางจิตวิทยายังแบ่งคนตามธาตุ เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของบุคคลได้ ซึ่งในทางปฏิบัติ นักจิตวิทยามักใช้การสังเกต หรือสอบถาม และประเมินธาตุของบุคคลนั้น แต่นักโหราศาสตร์มีเครื่องมือตรวจสอบจากดวงชะตา

ในการพยากรณ์ ผมก็นำเรื่องธาตุทั้งสี่ ไปใช้ในการพยากรณ์มากขึ้น และเรียกว่าเป็นแก่นในการพยากรณ์เลยทีเดียว ซึ่งแนวทางการพยากรณ์ของผมจะเน้นเรื่องการเรียนรู้ข้อจำกัด จุดเด่น ศักยภาพ และรูปแบบพฤติกรรม เพราะเชื่อว่าเจ้าชะตามีสิทธิในการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง และผสมแนวคิดทางจิตวิทยาเพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาเห็นภาพชัดเจนขึ้น

ดังกรณีศึกษาดวงชะตานี้

ผมเริ่มต้นให้คำปรึกษาด้วยการแจกแจงกำลังของธาตุทั้ง 4 เช่นเดิม จะเห็นว่าในตารางกำลังของธาตุ ธาตุลมได้คะแนนมากที่สุด รองลงมาคือ ธาตุไฟ และธาตุที่คะแนนน้อยที่สุดคือ ธาตุดิน และธาตุดิน

ในดวงชะตานี้ เห็นได้ชัดว่า แบ่งออกเป็น 2 ขั้วเลย คือ ฝ่ายรุก (ลม ไฟ) ได้คะแนนเยอะ ฝ่ายรับ (ดิน น้ำ) ได้คะแนนน้อย ดังนั้นเจ้าชะตาจึงมีบุคลิกในเชิงรุกมากกว่า

ธาตุลม การติดต่อ ความคิด ความรู้ และธาตุไฟ กระตือรือร้น แรงจูงใจ ความคิดริเริ่ม แปลได้ว่า เจ้าชะตาน่าจะเป็นคนที่ชอบเสาะหาความรู้ใหม่ๆ การเข้าหาผู้คนเพื่อเรียนรู้ ชอบการเจรจา และแชร์ความรู้ที่ได้เรียนรู้มาต่อผู้อื่น มีการติดต่อ ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นตลอดเวลา

ซึ่งธาตุลม ตรงกับ อินทรี และธาตุไฟ ตรงกับ กระทิง ซึ่งเจ้าชะตาก็มีลักษณะบุคลิกความเป็นอินทรี และกระทิงชัดมาก กล้าเสนอความคิดเห็น กล้าสอบถามประเด็น และเมื่อสนใจประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ก็จะรีบค้นหาข้อมูลและสอบถามจากผู้รู้ทันที

ในขณะเดียวกัน ธาตุเด่น อีกด้านหนึ่งของดวงชะตาคือ ธาตุดิน หรือ หมี มีกำลังน้อย มักรู้สึกถึงความไม่มั่นคง และพยายามมองหาสิ่งที่ตนเองรู้สึกว่ามั่นคง ผมมีคำพูดหนึ่งที่นึกออก สำหรับคนที่ธาตุดิน มีกำลังน้อย คือ ทางเลือก เมื่อรู้สึกมีความไม่มั่นคงในใจลึกๆ การที่มีทางเลือก หรือทางออกหลายๆทาง ดูเจ้าชะตาจะอุ่นใจมากกว่า การมีทางเลือกแค่ทางเดียว ซึ่งเจ้าชะตาได้ยิน ก็หัวเราะ ยอมรับ

การที่มีธาตุดินอ่อนกำลัง หรือมีความเป็นหมีอยู่น้อยนั้น ทำให้งานที่ต้องใช้ทักษะเรื่องความละเอียด เป็นสิ่งที่ยากสำหรับเจ้าชะตา ในเชิงจิตวิทยา เมื่อเรารู้สึกว่าเราขาดคุณสมบัติทิศใด เราก็จะพยายามเป็นแบบนั้น อย่างเจ้าชะตา ก็มีลักษณะต้องการเป็นแบบหมี อยากอยู่ในกรอบ อยากมีระเบียบ รู้สึกว่าการเป็นแบบหมี เป็นสิ่งที่ดี เหมาะสม และพยายามที่จะทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนแบบหมี บ้าง แต่ท้ายสุดมักจะกลับมาใช้ความสามารถหลัก คือ ธาตุลม (อินทรี) หรือ ธาตุไฟ(กระทิง) เพราะถนัด หรือชินมากกว่า

จึงไม่แปลกใจเลยที่ผมจะได้ยินเจ้าชะตาบ่นว่า ฟังดูเหมือนหลักลอย ไม่สู้งานเลย จึงอธิบายว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ละคนมีความถนัดต่างกัน ถ้าเรารู้จักตัวเอง ในดวงชะตานี้ก็มีจุดเด่น ที่เรียนรู้ได้หลากหลาย เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งง่ายๆ ทำให้มีการปรับตัวเร็ว ซึ่งความสามารถลักษณะแบบนี้ มีงานที่เหมาะสม และคนอยากได้ตัวไปทำงานเยอะเยะ

อีกประเด็นที่ผมทักไปคือ เจ้าชะตามีความเป็นหนู หรือธาตุน้ำน้อย ซึ่งปกติธาตุน้ำจะหมายถึง อารมณ์ ความอ่อนไหว การดูแล การเอาใจใส่ คนที่มีความเป็นหนู มักจะอ่อนไหว ใช้ความรู้สึก และมีความเข้าใจหรือสัมผัสทางอารมณ์ได้ดี ดังนั้นการที่เจ้าชะตามีความเป็นหนูน้อย แปลว่าเขามักไม่ใช้อารมณ์ ไม่อ่อนไหวต่ออารมณ์ผู้อื่น ในเชิงจิตวิทยานั้นเมื่อ เราลดการใช้อารมณ์ลง จะทำให้เราขาดความสามารถในการเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นไปด้วย

ดังนั้นในยามที่อยากจะดูแล หรือเข้าใจผู้อื่น ก็จะทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจความต้องการลึกๆของผู้อื่น อาจจะดูแลอ้อมๆแทน เช่นการจัดหาสิ่งของให้ หรือตอบสนองทางวัตถุ มากกว่าจิตใจ และเจ้าชะตามักกลับมาใช้เหตุผล ความเหมาะสม ภาพรวม หรือประสบการณ์ตนเอง หรือสิ่งที่ควรจะเป็นตามความเป็นจริงมาใช้แทน ตามประสาธาตุลมเด่นกว่า

ซึ่งเรื่องนี้มักมีข้อขัดแย้งกับผู้ที่มีความเป็นหนู หรือธาตุน้ำเด่น ได้ง่าย ในทางจิตวิทยามักเรียกว่าเป็นคนละฐานกัน คือ ฐานคิด กับฐานใจ คนหนึ่งใช้เหตุผล คนหนึ่งใช้อารมณ์ความรู้สึก

ดังนั้นการที่เราเข้าใจลักษณะบุคลิค ลักษณะพฤติกรรม ความคิดภายใน และเข้าใจความแตกต่างของบุคลิกของคนแต่ละธาตุแล้ว ก็พอที่จะระวังการเกิดปัญหา หรือแม้เมื่อเกิดปัญหาก็จะคลี่คลายได้ง่ายขึ้น เพราะเรารู้ว่าควรจะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาตรงจุดไหน เช่น ถ้าผู้นั้นเป็นธาตุน้ำ ก็ต้องเข้าด้วยความเข้าใจ แก้ประเด็นที่จิตใจ ถ้าผู้นั้นเป็นธาตุลม อินทรี ก็ต้องชี้แจงเหตุผล พิจารณาภาพรวม เจรจา หาข้อสรุปกัน

จากนั้นคำถามประเด็นอื่นๆ ผมก็ใช้หลักการธาตุเป็นแกนหลัก และอาจจะผสมกับการอ่านดาวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว เช่น ในตัวชะตา มีมฤตยูเด่น เพราะเล็งลัคนา เจ้าชะตามักมีเหตุการผลิกผันตลอดเวลา คำแนะนำผมคือ ควรอยู่กับปัญหา หรือวิกฤตต่างๆ ควรวิ่งเข้าหาปัญหาเอง ให้วิกฤติเป็นโอกาส หรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหา

ซึ่งจากธาตุเด่นในดวงชะตาเป็นธาตุลม และไฟ ดังนั้น ต้องคิดและแก้ไขปัญหา ถ้าเกิดขึ้นกับตนเองก็ต้องเจรจา ต่อรอง เผชิญหน้าถึงจะจบ หรือถ้าเป็นลักษณะงาน ก็อาจจะเหมาะกับงานที่ต้องไปแก้ไขปัญหา งานที่ให้คำปรึกษา มากกว่าการเป็นคนทำงาน เพราะอาจจะทำแล้วเกิดปัญหาแทน

เจ้าชะตามีสอบถามเรื่องวิทยานิพนธ์ว่าติดปัญหากับเพื่อนร่วมงาน จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไงดี คือ จะยอมเปลี่ยนหัวข้อดีหรือไม่ คำแนะนำผมคือ เผชิญหน้าคุย หาทางแก้ไขปัญหากับเพื่อน (ตามลักษณะธาตุลม ฝ่ายรุก และ มฤตยูเล็งลัคนา) เพราะแม้เปลี่ยนหัวข้อไป ก็อาจจะเกิดวิกฤติต่อได้อีกอยู่ดีตามลักษณะดวงชะตา หรือถ้าคุยแล้วไม่ได้ดังที่ต้องการ การเปลี่ยนหัวข้อยังเป็นทางเลือกต่อได้อีก

จากนั้นเราก็คุยกันอีกหลายประเด็น ส่วนใหญ่ก็ใช้ลักษณะเด่นของธาตุ เป็นตัวหลักในการตอบคำถาม ผสมคำแนะนำเชิงพฤติกรรม และแนวคิดทางจิตวิทยาเสริมประกอบ (ผู้นำสี่ทิศ) แม้ว่ายังไม่ลงรายละเอียดในดวงชะตา เช่น ดาวในเรือน หรือ การทำมุมสัมพันธ์ เจ้าชะตาก็ดูพึงพอใจกับการให้คำปรึกษา เข้าใจธรรมชาติของตัวเองมากขึ้น และพอเห็นประเด็นที่ควรระวัง และจุดเด่นของตนเองที่ควรส่งเสริม

ที่มา

Phainon; ไฟ ดิน ลม น้ำ ปฐมบทของโหราศาสตร์

วิศิษฐ์ วังวิญญู; การฟังอย่างลึกซึ้ง, http://jitwiwat.blogspot.com/2012/06/blog-post.html

https://secure.wikimedia.org/wikipedia/en/wiki/William_Moulton_Marston

DISC Model และผู้นำสี่ทิศม http://lanpanya.com/jogger/?p=692

« Back

เจาะลึกโหรา

ไฟ ดิน ลม น้ำ ปฐมบทของโหราศาสตร์

ดวงจีโอเดติก ดาวพลูโต และวงรอบเสียกรุง 2310

โหราศาสตร์กับเงินตราสกุลหลักของโลก article