บ้านเหนือ บ้านใต้
พลตรีประยูร พลอารีย์
ร.ร. โหราศาสตร์ กท.
(ต่อจากฉบับที่ ๑๖๘ มีนาคม ๒๕๓๑)
ขอให้นักศึกษาพิจารณาบุคลิกภาพและลีลาชีวิตของบุคคลสำคัญระดับชาติ ๒ ท่านคือ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดที่จังหวัดตาก (ภาคเหนือ), กับ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีปัจจุบัน ซึ่งเกิดที่จังหวัดสงขลา (ภาคใต้) เมื่อวิเคราะห์ดวงชะตาของท่านดูความแรงของราศีทั้ง ๔ ที่เป็นขั้วกันกล่าวคือ เมษ (หรืออังคาร) กรกฎ (หรือจันทร์) ตุลย์ (หรือศุกร์) และมกร (หรือเสาร์) พบว่ามีความแรงเท่าๆกันทั้ง ๒ ท่าน เช่น ความแรงของราศีมกร เป็นต้น ดวงชะตาของ จอมพลถนอมฯ ลัคนาสถิตราศีมกร ดวงชะตาของ พลเอกเปรมฯ จันทร์ สถิตราศีมกร แต่บุคลิกภาพและลีลาชีวิตกลับมีแนวโน้มมีทิศทางตรงกันข้ามกัน (ซึ่งอย่างน้อย ท่านหนึ่งก็เป็นโสด และอีกท่านหนึ่งครอบครัวใหญ่) อย่างไรก็ดี จากการตั้งดวงชะตาตาม ขั้ว ภาคเหนือ ภาคใต้ จะพบว่า มีดาวพระเคราะห์ที่เป็น กุญแจ ชีวิตสำคัญ ซึ่งไม่แสดงในดวงชะตากำเนิดธรรมดา ดังจะได้กล่าวในต่อไปนี้

จากการพิจารณาความเป็นไปตามวัฎจักรของโลกดังกล่าวข้างต้นเราได้ข้อสรุปว่า เรือนที่ ๑ ของ ฝ่ายเหนือ (ซีกโลกเหนือ ภาคเหนือ บ้านเหนือ ฯลฯ) ตั้งต้นที่จุดทักษิณวิษุวัต (หรือจุดศารทวิษุวัต) และเรือนที่ ๑ ของ ฝ่ายใต้ (ซีกโลกใต้ ภาคใต้ บ้านใต้ ฯลฯ) ตั้งต้นที่จุดวิษุวัต หรือจุดตั้งต้นราศีเมษสายนะ ซึ่งล้วนเป็นจุดจริงที่ระบบสายนะใช้กันอยู่ ฉะนั้นเพื่อให้สามารถนำเอาความรู้นั้นไปใช้กับระบบนิรายนะซึ่งนิยมกันมากในวงการโหราศาสตร์ไทยเรา จึงจำเป็นต้องทราบว่าจุดทั้ง ๒ นี้อยู่ที่ไหนในดวงชะตาแบบไทย ซึ่งอาจหาได้จากการคำนวณ (เมื่อต้องการความละเอียด) และการประมาณ (เมื่อไม่ต้องการความละเอียด)
จุดวิษุวัตในดวงชะตานิรายนะ ซึ่งเป็นจุดบนท้องฟ้าซึ่งเมื่ออาทิตย์โคจรถึงจุดนี้แล้วกลางวันกับกลางคืนจะนานเท่ากันนั้นหาได้ตามสูตร
จุดวิษุวัต = ๓๖๐ อายนางศ์
สำหรับค่าของอายนางศ์อาจมีแสดงไว้ในปฎิทินโหราศาสตร์บางฉบับ หรืออาจคำนวณได้ตามสูตร
อายนางศ์ (ลิบดา) = (ค.ศ. ๑๕๐๐) × ๐.๘๓๘+ ๑๐๑๓
เป็นอายนางศ์ของลาหิรีสำหรับ ๑ มกราคม ในปี ค.ศ. ที่ต้องการ เช่น ในวันที่ ๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๘๘ ค่าอายนางศ์ คือ (๑๙๘๘ ๑๕๐๐) × ๐.๘๓๘+ ๑๐๑๓ = ๑๔๒๑ ลิบดา หรือ ๒๓ องศา ๔๑ ลิบดา
เจ้าชะตาเกิดปีใด ให้ใช้อายนางศ์สำหรับปีนั้นคำนวณหาจุดวิษุวัตเพื่อใช้เป็นจุดลัคนา (ค่าอายนางศ์จะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ ๕๕ ฟิลิบดา ทุกปี) เช่นเด็กที่เกิดในปี ๒๕๓๑ (ค.ศ. ๑๙๘๘) เป็นต้น จุดวิษุวัตจะสถิต
จุดวิษุวัต = ๓๖๐ ๒๓ องศา ๔๑ ลิบดา
= ๓๓๖ องศา ๑๙ ลิบดา
= ๖ องศา ๑๙ ลิบดา ราศีมีน นิรายนะ
ลัคนาสำหรับ ฝ่ายใต้ สถิต ๖ องศา ๑๙ ลิบดา ราศีมีน ส่วนลัคนาของ ฝ่ายเหนือ จะสถิตเล็งมุม ๑๘๐ องศา คือ ๖ องศา ๑๙ลิบดา ราศีกันย์
นั่นคือการคำนวณจุดวิษุวัตกับจุดทักษิณวิษุวัตซึ่งเป็นลัคนาของ ฝ่ายใต้ และ ฝ่ายเหนือ ตามลำดับโดยละเอียด
เนื่องจากจุดวิษุวัตนี้ในยุคนี้ยังจะสถิตที่ประมาณ ๖ ถึง ๘ องศา ราศีมีน นิรายนะ ไปอีกนานเป็นร้อยๆ ปี ในทางปฏิบัติเราจึงถือว่า ลัคนาของ ฝ่ายใต้ สถิตราศีมีน และลัคนาของ ฝ่ายเหนือ สถิตราศีกันย์ ได้ลัคนาทั้งสองนั้นจะมีฐานะเป็น ลัคนาอนุเคราะห์ ชนิดหนึ่ง ซึ่งในเทคนิคของโหราศาสตร์ยูเรเนียนเรียกว่า ลัคนาโลก ลัคนาของ ฝ่ายเหนือ ก็คือ ลัคนาโลกฝ่ายเหนือ และลัคนาของ ฝ่ายใต้ ก็คือ ลัคนาโลกฝ่ายใต้
สำหรับในระบบสายนะ ลัคนาโลกฝ่ายเหนือคือจุดตั้งต้นราศีตุลย์ (ทักษิณวิษุวัต) ลัคนาโลกฝ่ายใต้คือจุดตั้งต้นราศีเมษ (วิษุวัต)
ฉะนั้น ในการตรวจพื้นดวงะตาโดยเฉพาะบุคคลที่เกิดภาคเหนือหรือภาคใต้มากๆ จึงต้องเสริมด้วยลัคนาอนุเคราะห์นี้เสมอไป และในการอ่านดวงชะตาโดยทฤษฎีเรือนชะตาจึงต้องตั้งเรือนที่ ๑ ที่ลัคนานี้ด้วย ซึ่งราศีถัดไปตามจักรราศีจะเป็นเรือนที่ ๒, ๓, ๔,
ตามลำดับ การอ่านจะอ่านโดยสูตรเรือนชะตาทั่วไป (หน้า ๘๔ ๑๑๓) หรือหากมีวิธีการอ่านเรือนชะตาใดๆก็ตาม (ที่ถูกต้อง) อาจนำมาใช้อ่านได้ทั้งนั้น และเนื่องจากประเทศไทยเราอยู่ในซีกโลกเหนือ ผู้ที่เกิดในประเทศไทยจึงต้องมีลัคนาอนุเคราะห์สำหรับ ฝ่ายเหนือ ด้วยทำนองเดียวกันกับผู้ที่เกิดภาคเหนือ (หรือบ้านเหนือ) และด้วยประการฉะนี้เอง บุคคลที่เกิดทางภาคเหนือ ลัคนาอนุเคราะห์สำหรับฝ่ายเหนือ ซึ่งสถิตที่ต้นราศีกันย์นิรายนะหรือที่จุดต้นต้นราศีตุลย์สายนะจึงมีอิทธิพลแรงมากเป็นพิเศษ คำพยากรณ์ที่อ่านได้จากการตั้งดวงชะตาแบบนี้จึง "ประทับใจ" ไม่แพ้ลัคนากำเนิดทีเดียว ตัวอย่างเช่นในดวงชะตาของท่านจอมพลถนอมฯ เป็นต้น เสาร์สถิตเรือนที่ ๘ จากลัคนาฝ่ายเหนือ (นิรายนะราศีกันย์ สายนะราศีตุลย์) อ่านคำแปลสูตรเรือนชะตาหน้า ๙๘ ได้ข้อความว่า มีทุกข์เพราะการถึงแก่กรรม ถึงแก่กรรมเพราะความชรา เดือดร้อนเรื่องมรดก ซึ่งชีวิตของท่านก็ทำนองนี้ สำหรับคำพยากรณ์ ถึงแก่กรรมเพราะความชรา นั้นหมายถึงแนวโน้มอายุยืน ซึ่งในการอ่านคำแปลดาวพระเคราะห์ในเรือนชะตาต่างๆนี้ จะต้องเป็นที่รู้กันว่า ดาวดวงใดยิ่งมีความสัมพันธ์กับ จุดชะตา ดาวดวงนั้นย่อมส่งอิทธิพลแรง น้ำหนักของคำพยากรณ์ยิ่งมีมาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับในกรณีที่มีการย้ายที่อยู่ ดังเช่นท่านนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านนี้เป็นต้น กล่าวคือท่านนายกฯ เปรมฯ เกิดภาคใต้แต่ย้ายมาอยู่ภาคกลาง ส่วนท่านนายกฯ ถนอมฯ เกิดภาคเหนือย้ายมาอยู่ที่ภาคกลาง อิทธิพลของภาคเหนือภาคใต้ย่อมอ่อนลงเป็นธรรมดา แต่สำหรับในกรณีของท่านนายกถนอมฯ ซึ่งเกิดภาคเหนือนั้น อิทธิพลของโลกฝ่ายเหนือยังคงแรง เพราะสำหรับเจ้าชะตาที่เกิดภาคกลางนี้จะต้องใช้ดวงชะตาโลกฝ่ายเหนือซึ่งมีลัคนาอยู่ที่ จุดตุล หรือที่ราศีกันย์นิรายนะด้วย เพราะประเทศไทยอยู่ซีกโลกเหนือ
ขอย้อนกลับมาพิจารณาดวงชะตาของท่านนายกรัฐมนตรีทั้งสองอีกครั้ง เมื่อตั้งดวงชะตาโลกเรียบร้อยแล้วจะพบว่า ท่านนายกฯ ทั้งสองนี้มีโครงสร้างบางชุดที่คล้ายกันอย่างน่าสนใจยิ่ง คือ ราหูกับอังคารต่างก็สถิตในเรือนที่ ๘ ดวงชะตาโลกเหมือนๆกัน
ความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าเรือนที่ ๘ (มรณะ) จะเป็นเรือนที่มีอิทธิพลไปทางด้านร้ายเป็นส่วนใหญ่ แต่ทางด้านการพยากรณ์แล้วมีบ่อยๆที่ดาวพระเคราะห์ที่สถิตในเรือนที่ ๘ นี้เองสามารถบอก อาชีพ ได้ด้วยความเฉียบขาดยิ่ง เพราะโดยทางปรัชญาแล้วดาวพระเคราะห์ในเรือนที่ ๘ นี้จะบ่งบอกถึงลีลาการต่อสู้กับความตาย หรือลีลาของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของบุคคลที่เราถนัดที่สุด ดังจะเห็นได้จากความจริงที่ปรากฏเสมอว่า บุคคลที่ถนัดการใช้ความรุนแรง การถึงแก่กรรมของเขาจะมาในรูปแบบที่รุนแรง เช่น ถูกยิงตายบ้าง อุบัติเหตุถึงแก่กรรมบ้าง ฯลฯ ดาวพระเคราะห์ในเรือนนี้จึงเปิดเผยถึงลักษณะลีลาดังกล่าว ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็คือวิธีการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดอันแท้จริงของเขานั่นเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นสัญชาติญาณในการประกอบอาชีพหรือในการประทังชีวิตของเขาอย่างแท้จริง ไม้ตายของนักพยากรณ์เกี่ยวกับการพยากรณ์อาชีพจึงอยู่ตรงจุดนี้ (ในทางปฎิบัติ การใช้เรือนที่ ๘ บอกอาชีพจะใช้เป็นหนทางสุดท้ายเท่านั้น เมื่อหนทางอื่นๆ คลุมเครือ) และจะไม่ขอกล่าวในรายละเอียดเพราะนอกประเด็นของบทความนี้
ท่านนายกฯ ถนอมฯ อาทิตย์สถิตเรือนที่ ๘ จากลัคนา (ราชการผู้มีตำแหน่ง) ราหู อังคาร สถิตในเรือนที่ ๘ ของดวงชะตาโลก (อังคารคือทหารราหูคือพรรคพวก) บ่งบอกชัดแจ้งว่า รับราชการทหาร ส่วนทางด้านการเมืองซึ่งวิชาโหราศาสตร์พิจารณา จันทร์ เป็นดาวพระเคราะห์ การเมือง นั้นสถิตในเรือนที่ ๒ ในตรีโกณอาชีพ ๒ ๖ -๑๐

ท่านนายกฯ เปรมฯ ราหู อังคาร สถิตในเรือนที่ ๘ (ดวงชะตาโลกฝ่ายใต้) ให้ข้อมูลแจ้งชัดเช่นกันถึงการเป็นทหารอาชีพ การรับราชการหรือการมีตำแหน่งเป็นอิทธิพลของอาทิตย์สถิตกุมลัคนา ชีวิตการเมืองของท่านเป็นอิทธิพลของจันทร์ซึ่งสถิตในเรือนที่ ๑๐ (ดวงชะตาโลกฝ่ายใต้) ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ท่านได้รับความนิยมอีกด้วยตามคำแปลหน้า ๘๘
จึงเห็นได้ว่า ดวงชะตาโลกฝ่ายเหนือ/ฝ่ายใต้ ให้ผลทางด้านการพยากรณ์แน่นอนจริงๆ ถึงแม้ท่านนายกฯ ทั้งสองจะย้ายมาอยู่ภาคกลาง อิทธิพลของความเป็นขั้วดังกล่าวก็ยังตามมา รุนแรงเพียงใด กรุณาพิจารณาต่อไป
ในกรณี ราหู อังคาร สถิตในเรือนที่ ๘ นั้น จริงอยู่บอกอาชีพของเจ้าชะตาแก่เรา แต่อิทธิพลทางด้านร้ายโดยธรรมชาติย่อมจะต้องมีอยู่ (ดูคำแปลในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิหน้า ๘๙ กับ ๙๕ ประกอบ) และหากไม่เข้าใจเรื่องอิทธิพลของขั้ว (ฝ่ายเหนือ/ฝ่ายใต้) ก็คงจะไม่ทราบว่า ดาวพระเคราะห์คู่นี้แสดงดาวร้ายต่อชีวิตท่านนายกฯ ถนอมฯ มากกว่าสำหรับท่ายนายกฯ เปรมฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจไม่ทราบว่าดาวคู่นี้ร้ายมากในดวงชะตาของท่ายนายกฯ ถนอมฯ เพราะมองไม่เห็นเรือนที่ ๘ เมื่อใช้ดวงชะตากำเนิดธรรมดา
อย่างไรก็ดี ดาวพระเคราะห์คู่นี้เองที่ทำให้ท่านนายกฯ ผู้ซึ่งมีฐานอำนาจอันเกรียงไกร มีขุนพลทหารอยู่ในกำมือเต็มเพียบอย่างไม่มีสมัยใดเสมอเหมือน แม้กำลังฝ่ายตำรวจ ต้องมีอันโค่นล้มลงอย่างไม่เป็นท่า แม้ชีวิตยังเกือบเอาไว้ไม่รอดเมื่อวันที่ ๑๕/๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ ทั้งๆที่ท่านเป็นผู้มีความกรุณาปราณีสูงและมีบุคลิกภาพน่ารักยิ่ง
โดยใช้การพยากรณ์จรตามอายุขัย โค้งสุริยยาตร์นับถึง ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ มีค่าเท่ากับ ๖๐ องศา ๓๐ ลิบดา ราหู (๔ พภ ๓๙) บวกโค้งสุริยยาตร์ สถิต ๕ กฎ ๐๙ เล้งลัคนาสนิท (๕ มก ๑๖) และอังคารซึ่งสถิตในเรือนที่ ๘/ โลกฝ่ายเหนือ บวกโค้งสุริยยาตร์ สถิต ๑๗ กฏ ๑๙ ทำมุม ๔๕ องศาพอดีเช่นกันกับจันทร์ (๑ มน ๕) สิ่ง ตามความหมายของดาวพระเคราะห์ทั้ง ๒ ในเรือนที่ ๘ จึงปรากฏกับชีวิตของท่านนายกฯ ถนอมฯ ในปีนั้น ยิ่งไปกว่านั้นจุด การเมือง ซึ่งสัมพันธ์ถึงจุดเมษและสถิตในเรือนที่ ๘ ซึ่งหมายถึงการมรณะกรรมในทางการเมือง บวกโค้งสุริยยาตร์สถิต ๑๕ กฏ ๒๔ (โครโนส/วัลคานุส) ยังทำมุม ๙๐ องศา กับเมอริเดียน (๑๔ ตล ๒๔) ด้วยเช่นกัน ราศีพฤษภสายนะหรือราศีเมษนิรายนะจึงแสดงเป็นเรือนที่ ๘ ของดวงชะตาโลกฝ่ายเหนือแน่
นักศึกษาจะยิ่งเห็นชัดถ้าเอาดาวพระเคราะห์จรเข้ามาประกบ ตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ทั้ง ๓ ที่สถิตในเรือนที่ ๘/โลกฝ่ายเหนือ คือ ราหูสถิต ๒ มก ๐๑ อังคารสถิต ๔ พภ ๔๖ เสาร์สถิต ๔ กฏ ๔๕ คงเห็นแล้วว่าอังคารจรทับราหูกำเนิดสนิท (ราหูกำเนิดสถิต ๔ พภ ๓๙) เสาร์จรเล็งลัคนากำเนิดสนิท ส่วนราหูจรนั้นบวกโค้งสุริยยาตร์ก็จะทับจันทร์สนิท จึงเป็นอันว่าสิ่งตามความหมายของเรือนที่ ๘ ได้ถูกนำมาสู่ชีวิตของท่านนายกฯ ถนอมฯ จนหมดสิ้น ท่านจึงมีอันต้องเป็นไปดังเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
สำหรับดวงชะตาของท่านนายกฯ เปรมฯ ทั้งที่ท่านผ่านมาและที่จะเป็นไปในอนาคตนั้น เห็นจะเป็นไปแบบฝึกหัดของนักศึกษาเอง อย่างไรก็ดี สำหรับในกรณีของท่านนั้น เนื่องจากท่านเป็น ฝ่ายใต้ และย้ายเข้ามาภาคกลางแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังปลูกบ้านพักไว้ที่นครราชสีมาซึ่งค่อนไปทางเหนืออีกด้วย อิทธิพลเรือนที่ ๘/โลกฝ่ายใต้ ซึ่งราหู อังคาร สถิตอยู่จึงอ่อนลงมากเป็นธรรมดา ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนั้นท่านก็คงต้องมีอันเป็นไปเสียตั้งแต่เมื่อ เมษายน ๒๕๒๔ แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในช่วงนั้นดาวพระเคราะห์ในเรือนที่ ๘ คู่นี้ก็เข้าไปมีบทบาทสำคัญ และไม่มีปัญหา.....ความไม่ราบรื่นซึ่งอาจมีมาในอนาคตนั้น เจ้าการสำคัญก็คือดาวพระเคราะห์คู่นี้ จึงขอให้นักศึกษาลองพิจารณาดูกันเอาเอง
สรุปได้ว่า ในการอ่านดวงชะตาที่สมบูรณ์แบบจริงๆ นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีดวงชะตาอนุเคราะห์ประกอบ และดวงชะตาโลกฝ่ายเหนือกับดวงชะตาโลกฝ่ายใต้นี้ก็เป็นดวงชะตาอนุเคราะห์ชนิดหนึ่ง ดวงชะตาโลกฝ่ายเหนือจะมีลัคนาอยู่ที่จุดตั้งต้นราศีตุลย์สายนะหรือราศีกันย์นิรายนะ (ตำแหน่งดาวพระเคราะห์คือตำแหน่งในดวงชะตากำเนิด) ใช้สำหรับเจ้าชะตาที่เกิดในซีกโลกเหนือ ภาคเหนือ หรือบ้านเหนือ ดวงชะตาโลกฝ่ายใต้จะมีลัคนาอยู่ที่จุดตั้งต้นราศีเมษสายนะ หรือราศีมีนนิรายนะ (ตำแหน่งดาวพระเคราะห์คือตำแหน่งในดวงชะตากำเนิด) ใช้สำหรับเจ้าชะตาที่เกิดในซีกโลกใต้ ภาคใต้ หรือบ้านใต้ เทคนิคการพยากรณ์นี้สามารถแก้ปัญหาการอยู่นอกเขตดวงชะตาอันเนื่องมาจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ได้ จึงเป็นบทเรียนที่ควรสนใจและสมควรที่จะรักษาเอาไว้