ถ้าหากใครผ่านการเรียนพื้นฐานโหราศาสตร์ระดับเบื้องต้นมาแล้ว

เรามาลองร่วมคิดกันดีไหมครับ ว่าเขาใช้หลักปรัชญาอะไรในการดูดวง รายเดือน รายวัน และรายปี

และทำไมเขาถึงใช้คนเกิดในราศี วันไหน หรือปีไหนบ้าง ต่างกันตรงไหน

ใบ้แค่ว่า ใช้หลักปรัชญาพื้นๆ ก็เพียงพอแล้วครับ ยังไม่ต้องชั้นสูง

ป.ล. ขออภัยถ้าผมสงสัยเกินควร แต่ถามแบบนี้คล้ายจะนำเอาไปใช้ทำมาหากินที่ไหนเลยครับ

การที่จะดูว่าคนเกิดราศีหนึ่งจะมีอะไรเกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา เป็นความรู้ที่ต้องรวบรวมจากประสบการณ์ และความรู้ที่มีอยู่จริงในตัวตนของคนเขียน วิชาความรู้ก็พื้นฐานทั่วไป เพียงแต่การปรับความรู้ + ประสบการณ์การดูดวงที่มากพอก็สามารถจะทำได้ หากมีการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ และศึกษาจากบทเรียนที่อาจารย์สอน

Phainon เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งที่ผมภูมิใจมาก หากนับระยะเวลาที่เรียนแล้ว ผมถือว่ามีพัฒนาการที่รวดเร็วมากที่สามารถเขียนดวงชะตาประจำเดือนได้

ขอขอบพระคุณ อ.วิโรจน์ มากครับ สำหรับคำชม และกำลังใจต่างๆ

จริงๆแล้วด้วยความรู้ปัจจุบันของผม หากจะจัดวัดระดับ ก็คงอยู่แค่ระดับพื้นฐานเท่านั้น

ตอบคำถาม คุณขาประจำ

เรื่องความรู้ โหราศาสตร์ ยูเรเนียน เวปไซต์เราwww.horauranian.com ไม่ได้ปิดกั้น และเปิดกว้างอยู่แล้วครับ เพราะในวัตถุประสงค์ของเรา คือ เพื่อรวบรวม เผยแพร่ และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านโหราศาสตร์

ดังนั้นหากเราอธิบายในเชิงปรัชญา องค์ความรู้ทางโหราศาสตร์สามารถเปิดเผยได้อยู่แล้วครับ

ไม่อย่างนั้นแล้วในคำพยากรณ์ กระทู้ ดูดวง ฟรี ผมคงไม่ใส่ปรัชญาโหราศาสตร์ ไว้ให้ นักศึกษาโหราศาสตร์ ได้เรียนรู้และติดตามวิธีการทำนายหรอกครับ ซึ่งจริงๆแล้วเทคนิคการพยากรณ์ในส่วนนี้ นักพยากรณ์ หรือหมอดู หลายๆคนก็ถือว่าเป็นเทคนิกเฉพาะตัวไม่ค่อยเปิดเผยกันหรอกครับ

แต่หากจะให้อธิบายลึกถึงในเชิงเทคนิค หรือเคล็ดลับนั้น เป็นสิ่งที่นักพยากรณ์ หรือ หมอดูต้องพัฒนาองค์ความรู้ขึ้นมาส่วนตัว ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการพลิกแผลงของแต่ละคน ส่วนนี้คุณขาประจำคงต้องไปค้นคว้า ศึกษาด้วยตัวตัวเอง หรือแสวงหาอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ต่อเอง

ตามที่คุณขาประจำ ตอบมาก็ถือว่าถูกทางแล้วครับ แต่ทำไมต้องใช้อมาวสีละครับ

เวปนี้ดีมาก ชอบมาก เปิดเผย จริงใจ ให้ความรู้ เป็นวิชาการ เห็นลูกศิษย์ดีก็รู้ถึงอาจารย์ครับ

โหราศาสตร์ ใช้ทุกอย่างที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติมาใช้ในการพยากรณ์

อมาวสี หรือ เดือนมืด (New Moon) ก็เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจาก อาทิตย์ จันทร์ และโลก โคจรอยู่บนแนวเส้นตรงเดียวกัน

นอกจากนี้ก็ยังมีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สำคัญอีกอันหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจาก อาทิตย์ จันทร์ และโลก อีก คือ เดือนเพ็ญ หรือ ปูรมี (Full Moon)

และยังมีจันทร์กึ่ง คือ อาทิตย์ 90 องศากับ จันทร์ (1st Quarter) และ อาทิตย์ 270 องศากับ จันทร์ (Last Quarter)

สังเกตุง่ายๆ คือ วันพระ ที่เราใช้กันในปัจจุบันไงละครับ

ดวงเหมายัน ก็เป็นปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ เข้าสู่จุดมกร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูหนาว หากจำทรงกลมฟ้าได้ ก็จะเห็นว่าจุดมกร คือจุดที่อาทิตย์ โคจรต่ำสุด และกำลังจะขึ้นสูงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หากนับ 6.00 น.ที่ราศีเมษ จุดมกร ก็จะเป็น 24.00 ขึ้นวันใหม่ตามหลักสากล ก็เทียบได้กับการขึ้นปีใหม่เช่นกัน

จุดเมษ กรกฏ ตุล และมกร เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนฤดูกาล นำมาใช้พยากรณ์ได้ทั้งสิ้น รวมถึงการย้ายเข้าสู่แต่ละราศี ของ อาทิตย์ และจันทร์ ก็สามารถนำมาใช้ในการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกัน

การเราใช้ปรากฏการณ์ของอาทิตย์ และจันทร์ ส่วนหนึ่งมาจากปรัชญาของดาวทั้งสอง คือ กาย และ ใจ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเจ้าชะตาสำคัญ และ ดาวทั้งสองมีลักษณะการเคลื่อนที่พิเศษไม่เหมือนดาวอื่นๆ คือ โคจรไปข้างหน้า ไม่มีการโคจรถอยหลัง หรือ หยุดนิ่ง (ตามจักรราศี ใช้โลกเป็นศูนย์กลาง Geocentric) ดังนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากอาทิตย์ และจันทร์ จึงมีลักษณะไปข้างหน้า ไม่ซ้ำ และไม่ย้อนกลับมาที่เดิม

ดังนั้นหากจะพยากรณ์รายเดือน ก็สามารถใช้ได้หลายแบบครับ ทั้งอาทิตย์ย้ายเข้าราศีก็ได้ หรือ อมาวสี newmoon ก็ได้

แล้วทำไมเราไม่ใช้ Fullmoon แทน Newmoon ละครับ ก็เป็นปรากฏการณ์ระหว่าง อาทิตย์ กับจันทร์ อยู่บนแนวเดียวกันเหมือนกันเลย

คำตอบก็คือ อมาวสี Newmoon คือ จุดที่อาทิตย์ และจันทร์ ทำมุม 0 องศา แต่ ปูรมี Fullmoon คือ จุดที่อาทิตย์ และจันทร์ ทำมุม 180 องศา

ถ้าหากใช้จาน 90 เราก็จะเห็นอยู่ อาทิตย์ และจันทร์บนจุดเดียวกันทั้ง 2 วัน แต่ถ้าใช้จาน 360 ก็จะเห็นได้ชัดว่า อาทิตย์ และจันทร์ จริงๆ แล้วทำมุมเท่าไรต่อกัน

และเมื่อ 0 องศา ย่อมให้ผลที่รุนแรงกว่า 180 องศา เราจึงมักเลือกใช้วันอมาวสี(newmoon) มาใช้ในการพยากรณ์มากกว่า วันปูรมี(fullmoon) ระยะเวลาก็จะครอบคลุมไปจนถึงปรากฏการณ์ใหม่ครั้งหน้า

จริงๆ แล้ว เราก็ใช้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในการพยากรณ์ดวงชะตาเช่นเดียวกัน เช่น

ดวงทินวรรษ (Solar Return) ดวงชะตา ณ วันและเวลาที่อาทิตย์จรมาตรงกับอาทิตย์กำเนิด ใช้พยากรณ์ในรอบวันเกิด

และดวงจันทวรรษ (Lunar Return) ดวงชะตา ณ วัน และเวลาที่จันทร์จรมาตรงกับจันทร์กำเนิด ใช้พยากรณ์ในรอบ 1 เดือน

บางคนใช้ solar return กับดวงประเทศก็มี ใช้ดวงจรปัจจุบัน กระทบอาทิตย์กำเนิด ใช้คราส ใช้การทำมุมกันของดาวจร กระทบอาทิตย์กำเนิด รวมถึงอ่านราศี และเรือนชะตาโลกด้วย สรุปก็ใช้ทุกอย่างครับ ละเอียดมากก็ดูมากเหนื่อยมากหน่อย

หากจะพยากรณ์รายเดือนด้วยพระเคราะห์สนธิเราจะกำหนดจุดอาทิตย์สมมุติของแต่ละราศีแทนบุคคลแต่ละราศีคร่าวๆ  แล้วดูปัจจัยของอมาวสี หรือจันทร์ย้ายราศีว่าปัจจัยเดี่ยว ศูนย์รังสี จุดอิทธิพลใดบ้างที่มีผลต่ออาทิตย์ในราศีนั้นๆแปลว่าอะไร  แต่จุดอ่อนคือมันทำมุมเป็นจำนวนเท่าของ45องศาทำให้มีผลในราศีอื่นด้วยจึงมักเลือกมุมแรงสุด360องศาเป็นตัวพยากรณ์  ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์คำแปลออกมา  ซึ่งเรือนชะตาจะดูได้สะดวกกว่า  ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยความเข้าใจในปรัชญาให้มาก อาจารย์วิโรจน์มักจะเคี่ยวเข็ญให้พวกเราสนใจในปรัชญาเป็นอับดับแรกๆครับ