โดย Pallas
พฤศจิกายน 2549
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน นักบริหารต่างแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆเพื่อนำมาใช้พัฒนาการบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น โดยได้นำความรู้สาขาวิชาที่ใกล้เคียง เช่น จิตวิทยา พฤติกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ ฯลฯ มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ การทำความเข้าใจมนุษย์ ผมเองเรียนจบปริญญาตรีมาทางสายวิศวกรรมศาสตร์ ต่อมา ได้เข้าเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) เมื่อเรียนถึงเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ก็มักจะงงๆ เพราะถนัดแต่สิ่งที่เป็นเครื่องยนต์กลไก มีระบบชัดเจนแน่นอน การทำความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่เรียนสนุก เพราะได้ศึกษาทำความรู้จักตนเอง และคนรอบข้างมากขึ้น
ต่อมา เมื่อได้มาศึกษาโหราศาสตร์ก็คิดว่า โหราศาสตร์มีเป้าหมายพื้นฐานเพื่ออธิบายพฤติกรรมมนุษย์เช่นกัน จึงคิดว่า น่าจะนำมาประยุกต์ในเรื่องการบริหารจัดการทางธุรกิจได้ จึงได้ศึกษาเรื่อยมา จนพอจะจับหลักบางอย่างได้ บทความนี้เป็นผลจากการศึกษาของผมซึ่งมุ่งหวังที่จะให้ผู้อ่านซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเป็นนักโหราศาสตร์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานประจำวันได้ เพียงแต่เราทราบวันเกิดของเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง ลูกค้า หรือคู่ค้า เราก็พอจะทราบราศีของดาวอาทิตย์ (Sun Sign) ของคนนั้น และทราบว่าคนๆนั้นมีอิทธิพลของธาตุใด ทำให้เราสามารถเลือกวิธีการพูดคุย ติดต่องาน หรือบริหารงานคนๆนั้นได้อย่างเหมาะสมกับพฤติกรรมของเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านพอจะมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์บ้าง ก็สามารถที่จะผูกดวงของคนนั้นขึ้นมา เพื่อดูว่าจุดเจ้าชะตาของคนนั้นมีแนวโน้มไปทางธาตุใด ก็จะทราบธาตุที่มีอิทธิพลกับคนๆนั้นได้ละเอียดยิ่งขึ้น
จากจักรราศี 12 ราศี เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ธาตุ ได้แก่ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม และธาตุน้ำ เรียกรวมกันว่า มหาภูตรูป ปรัชญาธาตุทั้งสี่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้มากมาย ตั้งแต่เรื่องการบริหารจัดการ การพยากรณ์ชะตาชีวิต ศิลปะ วิทยาศาสตร์กายภาพ หรือวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ในกรณีนี้เราจะนำหลักธาตุทั้งสี่มาใช้จำแนกคนออกเป็น 4 ประเภท เพื่อทำความเข้าใจแนวคิดและพฤติกรรมของเขา อย่างไรก็ตาม พึงทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า คนทุกคนไม่มีใครมีลักษณะเพียงธาตุเดียว แต่จะมีลักษณะผสมผสานของหลายๆธาตุมารวมกันเป็นคนๆนั้น เพียงแต่เราจะดึงธาตุที่แสดงลักษณะเด่นออกมาใช้ในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของคนๆนั้นเพื่อใช้ในการบริหารจัดการ
ธาตุไฟ : นักริเริ่ม
เริ่มต้นกันที่ธาตุไฟ ในทางโหราศาสตร์ ราศีที่ครองธาตุไฟจะประกอบด้วย 3 ราศี ได้แก่ ราศีเมษ ราศีสิงห์ และราศีธนู คาร์ล จุง (Carl Jung) ปรมาจารย์ด้านจิตวิเคราะห์ได้เรียกบุคคลที่มีบุคลิกตามธาตุไฟว่า Intuitive Type (เน้นสัญชาตญาณ)
บุคคลธาตุไฟเป็นคนที่นิยมการกระทำมากกว่าคำพูด ชอบริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เป็นคนเก่งในการเริ่มต้นโครงการใหม่ๆ แต่มักจะไม่สามารถดูแลจนจบโครงการ ในสถานการณ์ที่คนอื่นมองเห็นปัญหา ชาวธาตุไฟจะมองเห็นโอกาสเสมอ ด้วยบุคลิกที่มีความกระตือรือร้นและชอบเอาชนะ บุคคลธาตุไฟจะทำหน้าที่ชักชวนจูงใจผู้อื่นได้ดีและมักจะเป็นผู้นำเสมอ
ด้วยความเป็นคนที่ชอบทำอะไรรวดเร็ว และมักจะเร่งรีบ ทำให้ข้อด้อยสำคัญของชาวธาตุไฟก็คือ ความขาดความอดทน และมักจะจบด้วยความวุ่นวายของงาน หรือทิ้งความวุ่นวายให้คนอื่นมาเก็บกวาด ที่สำคัญมักเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตนเอง จนไม่ค่อยจะสนใจความรู้สึกผู้อื่น
รูปแบบการสื่อความของชาวธาตุไฟ จะมีลักษณะปลุกเร้าความสนใจ สร้างแรงบันดาลใจ โดยใช้วาทศิลป์ เพื่อดึงดูดใจผู้ฟัง กล่าวได้ว่า ชาวราศีธาตุไฟจะเป็นนักพูดที่เก่ง อย่างไรก็ตาม ชาวธาตุไฟจะชอบการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) จึงไม่ใช่นักฟังที่ดี
ความแตกต่างของบุคคลธาตุไฟที่อยู่ต่างราศี จะมองเห็นได้ชัดเมื่อเราวิเคราะห์จากสัญลักษณ์ประจำราศี จุดร่วมของสัญลักษณ์ประจำราศีธาตุไฟคือ เป็นรูปสัตว์ป่าทั้งสิ้น โดยราศีเมษ (Aries) จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปเขาแกะ ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะการเข้าต่อสู้ของแกะที่จะใช้ก้มหัวลง ยกเขาขึ้น และวิ่งชนกันเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่ง ชาวราศีเมษจะไม่ใช้วิธีการเจรจาหรือให้คนกลางตัดสิน แต่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งกันโดยตรง แต่ราศีสิงห์ (Leo) ซึ่งมีสัญลักษณ์คือสิงโต จะใช้การคำรามเสียงดังเพื่อขู่ศัตรูมากกว่าการต่อสู้โดยตรง สิงโตจะสู้เมื่อหิวและเมื่อถูกบังคับให้ต่อสู้เท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งสิงโตจะต่อสู้ต่อเมื่อใช้วิธีการอื่นๆที่จะรักษาอำนาจแล้วล้มเหลว สำหรับราศีธนู (Sagittarius) สัญลักษณ์คือ เซนทอร์ (Centaur) ที่เป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ เซนทอร์เล็งธนูไปยังดวงดาว สะท้อนลักษณะชาวราศีธนูที่มองไปยังเป้าหมายที่อยู่ไกล ทำให้ลักษณะการเผชิญหน้าแตกต่างไปจากชาวราศีเมษและสิงห์ที่ต้องการเอาชนะให้ได้ แต่ชาวราศีธนูจะมองข้ามความขัดแย้งเฉพาะหน้าแต่จะมุ่งเอาชนะภาพรวมมากกว่า
ความแตกต่างอีกประการหนึ่งของชาวธาตุไฟแต่ละราศีก็คือ ลักษณะการลงมือทำ กล่าวคือ ชาวราศีเมษมักจะลงมือทำคนเดียวหรือทำแบบที่ตนเองต้องการ ชาวราศีสิงห์จะเป็นผู้นำแล้วมอบหมายให้ทีมงานลงมือทำมากกว่า ส่วนชาวราศีธนูมักจะเป็นผู้วางแผนงานหรือให้แนวคิดเพื่อกระตุ้นให้ผู้อื่นลงมือทำ
แม้จะดูว่าชาวธาตุไฟจะเป็นผู้นำและชอบเอาชนะด้วยผลงาน แต่โดยทั่วไปแล้ว ชาวธาตุไฟจะแพ้ทางชาวราศีธาตุน้ำ เพราะคนธาตุน้ำมักใช้รูปแบบความสัมพันธ์ส่วนตัวในการทำงาน ซึ่งความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมักจะทำให้ไม่เกิดการเผชิญหน้าในแบบที่ชาวธาตุไฟถนัด ตรงข้ามรูปแบบการใช้เหตุผลแบบชาวธาตุลมจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าได้ง่ายกว่า ซึ่งเรื่องนี้จะตรงกับธรรมชาติที่ น้ำดับไฟ และลมช่วยกระพือไฟให้ลุกโชน
ธาตุดิน: นักปฏิบัติ
ธาตุกลุ่มที่ 2 ที่ผมจะพูดถึงคือ ธาตุดิน ซึ่งประกอบด้วยราศี 3 ราศี ได้แก่ ราศีพฤษภ ราศีกันย์ และราศีมกร ตามทฤษฎีของคาร์ล จุง จะเรียกบุคคลที่มีบุคลิกธาตุดินว่า Sensation Type (เน้นสัมผัส) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่รับรู้เฉพาะสิ่งที่สัมผัสได้ทางกายภาพ ให้ความสำคัญเฉพาะสิ่งที่มองเห็น ได้ยิน หรือจับต้องได้
บุคคลธาตุดินจะมีลักษณะเด่นในเรื่องการคุ้มครอง รักษา สะสม และต้องการข้อมูลที่เป็นความจริง ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดการณ์หรือความคิดฝัน พูดแบบฝรั่งก็เรียกว่าเป็นพวก Realistic (สัจจนิยม) จุดเด่นของคนธาตุดินคือเป็นนักปฏิบัติ นักแก้ปัญหา ที่สำคัญเมื่อรับผิดชอบงานใดแล้ว ก็จะดำเนินการจนเสร็จ ไม่จับจด มีความอดทนอดกลั้น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค สำหรับจุดด้อยของคนธาตุดินแล้วจะเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับคนธาตุไฟ นั่นคือ คนธาตุดินมักเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย (Pessimistic) ระแวดระวังสูง และไม่ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แต่จะมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายเดิมที่วางไว้
รูปแบบการสื่อความของชาวธาตุดินจะเป็นลักษณะบอกข้อเท็จจริง ใช้เหตุผลเป็นหลัก มีสถิติประกอบ และมักเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) แต่จะไม่มีลักษณะปลุกเร้าและจูงใจเหมือนกับชาวธาตุไฟ
ชาวธาตุดินเป็นราศีนักปฏิบัติที่จะสร้างสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้น แต่ละราศีของธาตุดินจะมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกันไป ราศีพฤษภซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นรูปวัว ซึ่งสะท้อนถึงการเติมเต็มความต้องการทางร่างกาย ที่ต้องการอยู่รอดและมีความปลอดภัยในชีวิต ด้วยการสะสมของต่างๆ เช่น อาหาร ทรัพย์สิน ฯลฯ ราศีกันย์ต้องการที่จะเติมเต็มความต้องการด้านปัญญา ด้วยการสะสมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ ส่วนราศีมกรต้องการที่จะเติมเต็มความต้องการด้านจิตวิญญาณ ด้วยการบรรลุความทะเยอทะยานและเป้าหมายของชีวิต
ด้วยความเป็นนักปฏิบัติและไม่ยืดหยุ่น ทำให้ชาวธาตุดินมักจะแพ้ทางชาวธาตุไฟ เพราะชาวธาตุไฟจะคอยคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ ทำให้ชาวธาตุดินตามไม่ทันและทำให้หงุดหงิด ผสมกับความรู้สึกว่าชาวธาตุไฟเป็นพวกจับจด ทำอะไรไม่เคยเสร็จสิ้น และคอยจะสร้างความวุ่นวายให้คนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำให้ไม่ถูกโฉลกมากขึ้นไปอีก แต่ชาวธาตุดินจะเข้ากันได้ดีกับชาวธาตุน้ำ เพราะชาวธาตุน้ำมักจะปรับตัวง่าย ทำให้โอนอ่อนตามความต้องการของชาวธาตุดิน ที่สำคัญชาวธาตุน้ำจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีซึ่งเป็นการเติมเต็มจุดอ่อนของชาวธาตุดินได้อีกด้วย
ธาตุลม: นักวิเคราะห์
มาต่อกันที่ชาวธาตุลม ซึ่งราศีที่ครองธาตุลมจะประกอบด้วย ราศีมิถุน ราศีตุลย์ และราศีกุมภ์ กลุ่มราศีธาตุลมนี้ คาร์ล จุง (Carl Jung) จัดให้อยู่ในกลุ่ม Thinking Type (เน้นการคิด)
ราศีธาตุลมเป็นราศีแห่งการใช้เหตุผลและปัญญา เพราะเชื่อว่าการใช้เหตุผลและปัญญาจะนำพาไปสู่ความจริง ชาวธาตุลมไม่เชื่อในการใช้ความรู้สึกหรือสัญชาตญาณในการตัดสินใจ ถ้าชาวธาตุดินบอกว่า มันเป็นความจริงต่อเมื่อฉันสัมผัสมันได้ ชาวธาตุลมก็จะบอกว่า มันเป็นความจริงต่อเมื่อฉันคาดการณ์หรืออนุมานเอาได้ ชาวธาตุลมชอบตั้งคำถามว่าทำไมเพื่อค้นหาความจริง ชอบรวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ ประเมิน และแยกแยะ
นอกจากนี้การคิดแล้ว ธาตุลมเป็นธาตุแห่งความปรองดองและการรวมกลุ่ม เนื่องจากทุกชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยการสูดลมหายใจ คน สัตว์ และพืชต่างหายใจในอากาศเดียวกัน สะท้อนการอยู่ร่วมกันจากธาตุลม ชาวธาตุลมนิยมการอยู่เป็นสังคม การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน แต่การอยู่ร่วมกันเป็นสังคมต้องอยู่ภายใต้ระบบ กฎ กติกาที่วางเอาไว้ ไม่ใช่อิสระทำตามใจได้ทุกอย่าง
ถ้าเปรียบเทียบลมในแต่ละราศีแล้ว จะพบว่า ราศีมิถุนเปรียบเหมือนลมปลายฤดูใบไม้ผลิที่นำความสดชื่นและกระตือรือร้นมาให้ ราศีตุลย์เปรียบเหมือนลมช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงที่นำความสงบสุขมา และราศีกุมภ์เปรียบเหมือนพายุฤดูหนาวที่นำความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงมา จากลักษณะของลมดังกล่าวก็จะพบว่า ธาตุลมไม่อยู่นิ่ง ปรับตัว และเปลี่ยนแปลง
เทพเจ้าของธาตุลมก็มีลักษณะคล้ายกันตามลักษณะของลม แต่ก็มีความต่างในรายละเอียด เทพเจ้าประจำราศีมิถุนคือ เมอร์คิวรี (Mercury) หรือเทพเฮอร์เมส (Hermes) ซึ่งเป็นเทพแห่งการสื่อสาร จึงมีลักษณะเด่นในเรื่องการสื่อสาร การเปลี่ยนแปลง และการเรียนรู้ เทพีประจำราศีตุลย์คือ เทพีวีนัส (Venus) ผู้ทรงเสน่ห์ แสดงถึงการหาเหตุผลที่จะปรองดอง การสร้างสันติ ลดความรุนแรง สำหรับเทพเจ้าประจำราศีกุมภ์นั้นคือ เทพยูเรนัส (Uranus) ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงและการปฏิวัติ รวมไปถึงการสร้างแนวคิดใหม่ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนแปลงของเทพยูเรนัสจะเป็นการเปลี่ยนระดับสังคม แต่การเปลี่ยนแปลงของเทพเมอร์คิวรีของราศีมิถุนจะเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับบุคคล
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ สัญลักษณ์ของราศีธาตุลมจะเป็นมนุษย์ทั้งหมด (ราศีกันย์เป็นราศีเดียวที่ไม่ใช่ธาตุลมแล้วมีสัญลักษณ์เป็นมนุษย์) ราศีมิถุนเป็นคนคู่ ราศีกุมภ์เป็นคนถือคนโทน้ำ และราศีตุลย์เป็นรูปหญิงบริสุทธิ์ถือตาชั่ง (แม้ว่าบ่อยครั้งมักจะเป็นรูปตาชั่งอย่างเดียวเท่านั้น)
ในที่ทำงาน ชาวธาตุลมจะเป็นนักคิด นักวางแผน และนักกลยุทธ์ ด้วยความที่เป็นคนมีเหตุมีผลและไม่ชอบการใช้ความรู้สึก ชาวธาตุลมจะสร้างระบบการทำงานขึ้นมา และจะหลีกเลี่ยงการพึ่งพาความสามารถเฉพาะบุคคล พูดง่ายๆคือชาวธาตุลมชอบทำงานเป็นทีม มากกว่าโชว์เดี่ยว ชาวธาตุลมจะนำเสนองานโดยเน้นการใช้เหตุผลและทฤษฎีที่พัฒนาจากองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ ที่สำคัญเขาชอบให้มีการโต้ตอบ การถกเถียงอย่างมีเหตุผล จึงเป็นลักษณะการสื่อสารแบบ 2 ทาง (two-way communication) เมื่อมีการเจรจาต่อรอง ชาวธาตุลมจะพยายามสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้ง และชอบตั้งคำถามประเภท จะเป็นอย่างไรถ้า
(What-if Question) เพื่อให้คู่เจรจาพิจารณาความเป็นไปได้ในแง่มุมต่างๆโดยยังไม่ต้องตัดสินใจ กระทั่งได้รับข้อมูลเพียงพอจึงตัดสินใจร่วมกัน
จุดอ่อนสำคัญของชาวธาตุลมคือ เน้นเหตุผลและระบบงาน จนไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคน ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในโลกความเป็นจริง นอกจากนี้ การมุ่งให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันมักจะจบลงด้วยฝ่ายตรงข้ามได้รับผลประโยชน์มากกว่าตัวเรา
ชาวธาตุลมมักจะแพ้ทางชาวธาตุดิน เพราะธาตุดินจะไม่สนใจความคิดที่หลากหลายหรือทฤษฎีที่จับต้องไม่ได้ของชาวธาตุลม แต่จะมุ่งไปยังประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก จนทำให้ชาวธาตุลมมักจะต้องยอมชาวธาตุดินเสมอ แต่เมื่อทำงานกับชาวธาตุไฟแล้ว ชาวธาตุลมจะทำงานร่วมกันได้ดี เพราะชาวธาตุไฟจะสามารถนำแนวคิดของชาวธาตุลมไปปฏิบัติได้โดยเร็วและได้รับการยอมรับในวงกว้างมากกว่า เพราะชาวธาตุไฟจะจับประเด็นของชาวธาตุลมได้เร็ว และเมื่อนำไปลงมือทำ ชาวธาตุไฟจะไม่ข้ามความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเหมือนชาวธาตุลม จึงดึงดูดคนมาร่วมทำงานได้มากกว่า
ธาตุน้ำ: ศิลปิน
ธาตุกลุ่มสุดท้ายที่เราจะพูดถึงก็คือธาตุน้ำ ซึ่งราศีที่ครองธาตุน้ำจะประกอบด้วย ราศีกรกฎ ราศีพิจิก และราศีมีน กลุ่มราศีธาตุน้ำนี้ คาร์ล จุง (Carl Jung) จัดให้อยู่ในกลุ่ม Feeling Type (เน้นความรู้สึก)
ธาตุน้ำเป็นธาตุที่สำคัญของโลกและมนุษย์ เพราะกว่า 70% ของผิวโลกเป็นพื้นน้ำ และกว่า 70%ของร่างกายมนุษย์ก็ประกอบด้วยน้ำ เมื่อเราสังเกตวงจรของน้ำก็จะพบว่า น้ำทะเลระเหยกลายเป็นไอ จับตัวกันเป็นก้อนเมฆ ตกลงมาเป็นน้ำฝนลงสู่ทะเลอีกครั้ง จะเห็นว่าธรรมชาติของธาตุน้ำก็คือการค้นหาเพื่อกลับไปสู่สถานะดั้งเดิม
ชาวธาตุน้ำให้ความสำคัญกับความรู้สึก จินตนาการ และสัญชาตญาณ รวมไปถึงสิ่งที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้ แต่สามารถรู้สึกได้ เหมือนกับการเรียนรู้จากอารมณ์ มากกว่าปัญญา
เทพเจ้าของธาตุน้ำมักจะดูลึกลับและซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ ได้แก่ จันทราเทวี ผู้ครองราศีกรกฎ เทพีแห่งราตรี สะท้อนถึงความไม่เปิดเผย ความอ่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงตามวงจรของข้างขึ้นข้างแรม พลูโต เทพเจ้าผู้ครองราศีพิจิก (ร่วมกับเทพเจ้ามาร์ส) ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งอาณาจักรใต้พิภพหรือนรก ผู้ครองขุมสมบัติใต้ดิน และเทพเนปจูนผู้ครองราศีมีน ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร ผู้ซึ่งดูลึกลับและไม่เปิดเผย เมื่อดูสัญลักษณ์ของราศีธาตุน้ำอันได้แก่ ปูในราศีกรกฎ แมงป่องในราศีพิจิก และปลาในราศีมีน จะพบว่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ที่มีชีวิตด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเด่นของธาตุน้ำคือ สัญชาตญาณ และความเร้นลับ
ถ้าเราถามชาวธาตุน้ำว่า ทำไมถึงเลือกสิ่งนี้ จะได้คำตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าใช่ นั่นคือชาวธาตุน้ำไม่ใช่คนที่ให้เหตุผลได้ดี แต่จะตัดสินใจด้วยความรู้สึกหรือสัญชาตญาณ นอกจากนี้มักเป็นคนที่มีจินตนาการเหนือจริง จึงมักจะเป็นศิลปินที่ใช้จินตนาการได้ดี กระทั่งชาวธาตุน้ำที่เป็นผู้บริหารก็ตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณและความรู้สึกว่าใช่เช่นกัน จุดเด่นสำคัญของชาวธาตุน้ำคือความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ยึดติดในกรอบใดๆ และการเอาใจใส่ในความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน ทำให้เกิดความเป็นมิตรในที่ทำงาน
ความแตกต่างของรูปแบบการบริหารของแต่ละธาตุจะเห็นได้จาก ชาวธาตุไฟพยายามเอาชนะด้วยพลังอำนาจ ชาวธาตุดินใช้ความมุ่งมั่นและความสม่ำเสมอ ชาวธาตุลมใช้เหตุผลและระบบ แต่ชาวธาตุน้ำจะไม่พยายามเอาชนะ แต่จะปล่อยให้สถานการณ์พาไป
รูปแบบการนำเสนองานของชาวธาตุน้ำคือ การใช้อารมณ์ความรู้สึกดึงดูดผู้ฟัง ผ่านความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ร่วม นอกจากนี้ในการเจรจาต่อรอง ชาวธาตุน้ำจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเป็นหลัก มากกว่าจะใช้เหตุผลหรืออำนาจบังคับ ซึ่งจะทำให้การเจรจาเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยบางครั้งแทบไม่ต้องอธิบายเหตุผลกัน แต่แนวทางนี้ก็เป็นจุดอ่อนเช่นกัน เพราะการใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลจะสร้างความกระอักกระอ่วนเมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวและบางครั้งไม่ได้นำไปสู่ผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นอีกด้วย
ชาวธาตุน้ำมักจะแพ้ทางชาวธาตุลม เพราะชาวธาตุลมจะสามารถแจกแจงเหตุผลที่ควรจะเป็นออกมาได้อย่างชัดเจน และทำให้ชาวธาตุน้ำไม่สามารถแย้งได้เลย เพราะไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ ขณะเดียวกันชาวธาตุน้ำจะไปได้ด้วยดีกับชาวธาตุดิน เพราะชาวธาตุดินจะสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ของชาวธาตุน้ำไปปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้จริง และชาวธาตุน้ำก็จะไม่ไปขวางทางชาวธาตุดินผู้มุ่งมั่น โดยจะโอนอ่อนผ่อนตามชาวธาตุดิน ทั้งสองธาตุจึงส่งเสริมซึ่งกันและกัน
สรุป
บทความนี้ได้แยกแยะจุดเด่น จุดด้อย รูปแบบการสื่อความ ธาตุที่แพ้ทาง และธาตุที่ส่งเสริมกัน ของบุคคลแต่ละธาตุออกมา เมื่อท่านผู้อ่านทำความเข้าใจลักษณะดังกล่าวของแต่ละธาตุแล้ว ย่อมสามารถนำไปกำหนดแนวทางการบริหาร ทำงานร่วมกันกับบุคคลธาตุต่างๆได้อย่างเหมาะสม หรือแม้กระทั่งทำความเข้าใจตนเองได้มากยิ่งขึ้น