วิโรจน์ กรดนิยมชัย
28 กุมภาพันธ์ 2550
ที่มา : หนังสือพิมพ์กระแสหุ้น วันศุกร์ที่ 2 - จันทร์ 5 มีนาคม 2550
หลังตรุษจีนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ระทึกใจ จนถึงล่าสุด การลาออกของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 (มีข้อน่าสังเกตประการหนึ่ง คือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกิดวันที่ 15 กรกฎาคม 2496 และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เกิดวันที่ 15 กรกฎาคม 2490 มี ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเหมือนกัน ทำให้มีอาการ ไม่สบอารมณ์ ระหว่างกัน เมื่อคนหนึ่งไม่สามารถอยู่ร่วมทำงานกับรัฐบาลนี้ได้ อีกคนหนึ่งก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน)
เหตุการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงที่สามารถเห็นได้ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 มีนาคม 2550 มีผลต่อดวงเมืองของประเทศไทยนับจากนี้ไปอีก 3 เดือนข้างหน้า
เหตุการณ์ประจำสัปดาห์ 4-11 มีนาคม 2550 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน การเปลี่ยนแปลงของอำนาจรัฐ จะประกอบด้วยนักวิชาการ และนักการเมืองในอดีต ซึ่งจะทำให้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะมีความโดดเด่น และรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้ว่าอาจจะมี บุคคลบางคนที่สังคมยังตั้งคำถาม หรือมีข้อข้องใจบ้าง แต่ถ้าเราทำใจกับคำว่า การเมือง ได้ดี เราจะรู้ว่ารัฐบาล มีความจำเป็น ที่ต้องทำเช่นนั้น
สถานการณ์ทั่วไปแม้ว่าอาจจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึก ตึงเครียด บ้าง แต่ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลจะมี ความไม่มีเสถียรภาพ แม้กระทั่งประเทศคู่ค้าคู่แข่งของไทยก็ต้องปรับเปลี่ยนท่าทีที่และความสัมพันธ์ที่มีต่อประเทศไทย
สถานการณ์ทางการคลัง จะ รุ่ง มีเกณฑ์ที่น่าพอใจกับรายได้เข้าคลัง โดยมีรายได้จากทรัพยากร สัมปทาน และรายได้จาก ทรัพยากรต้นน้ำของกระบวนการผลิต
รัฐบาลน่าจะมีนโยบายเกี่ยวกับ อัตราแลกเปลี่ยนหรือปรับเปลี่ยนมาตรการเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงิน ที่ทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพดีขึ้น ทำให้เรามีโอกาสได้เปรียบประเทศคู่ค้า
อสังหาริมทรัพย์ ดีในกลุ่มบ้านมือสอง หรือบ้านที่สร้างเสร็จแล้วราคาถูก ต่างจากบ้านหรูราคาแพงที่เจ้าของโครงการต้องทำใจไปก่อน
ตลาดหุ้นของไทยยังมีอาการที่ไม่ดีนัก ต้องมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการบางอย่างเพื่อที่จะทำให้มีการปรับตัวที่ดีขึ้น และอาจจะมีบางช่วงที่การปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างแรงหรืออีกนัยน่าจับตาความเคลื่อนไหวของทุนต่างประเทศที่จะเข้ามา ป่วน หรือ ปลุก ตลาดหุ้น กลุ่มหลักทรัพย์ต่างๆมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ดังนี้
กลุ่มที่มีอนาคตดี ได้แก่ สถาบันการเงิน อุตสาหกรรมการเกษตร วัสดุก่อสร้าง อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น อุปกรณ์อิเลคโทรนิค อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน
กลุ่มที่มีอนาคตไม่ดี ได้แก่ สุขภาพและโรงพยาบาล ขนส่ง สิ่งพิมพ์ พาณิชย์ ICT ท่องเที่ยว