วิโรจน์ กรดนิยมชัย
11 กรกฎาคม 2550
จันทร์ดับในคืนวันที่ 14 กรกฎาคม 2550 นี้ เป็นสัญญาณบอกถึงสถานการณ์ความไม่สงบ และการเกิดโรคระบาดจากสัตว์ปีก และสัตว์น้ำ และผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายทะเลหรือริมน้ำ แสดงว่า ช่วงสัปดาห์นี้จะต้องระวังการเกิดอุทกภัยร้ายแรงที่อาจจะมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทั้งในกรุงเทพ ภาคใต้ฝั่งตะวันออก และภาคตะวันออก นานถึงขนาดที่จะมีสัตว์ล้มตาย และทำให้เกิดโรคระบาด นับจากนี้ไปจนถึงเดือนกันยายน 2550
สถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุยิ่งขึ้น จนทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอาจจะต้องออกมาแสดงความกังวล ให้สังคมรับรู้และหาทางแก้ไขปัญหา จนอาจมีผลทำให้รัฐอาจจะต้องเปลี่ยนนโยบายบางอย่างเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียดในบางส่วน หลายๆกลุ่มมีความพยายามที่จะยึดโยงเหตุการณ์ในวันนี้ให้เหมือน เหตุการณ์ปี 2535 ที่พลเอกสุจินดา คราประยูร ต้อง กลืนน้ำลายเพื่อชาติ โดยหวังจะสร้างสถานการณ์ให้เหตุการณ์กลับไปเหมือนเดิมเพื่อเป็นเงื่อนไขสร้างความรุนแรงอีกครั้งหนึ่งให้ได้ หากย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือ20 ตุลาคม 2520 เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผู้นำการรัฐประหาร พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ไม่ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองเลย มีเพียงพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ที่เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเล่นการเมืองต่อจากนั้น จนเป็นที่มาของคำว่า โรคร้อยเอ็ด แล้วก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปอย่างไม่สง่างาม สังคมไทยวันนี้ถึงจุดที่ผู้นำจะต้องเลือกเส้นทางอนาคตของตนเองและของประเทศว่า จะให้วงรอบ 30 ปี หรือ วงรอบ 15 ปี ที่แล้ว ย้อนกลับมาหลอกหลอนในอีก 15 ปีหรือ 30 ปีข้างหน้าอีกหรือไม่
สถานการณ์ของโลก ดังที่ได้บอกกล่าวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โลกตะวันตกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ อนุกรมกันยายนทมิฬหรือ Black September Series อีกครั้งหนึ่ง อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทย ในมุมมองทางโหราศาสตร์ สถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนที่ผู้รับผิดชอบจะต้องดำเนินการมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยฉับพลันเหมือนการ ปฏิวัติระบบการเงิน หรืออาจจะมีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบชนิดที่เรียกว่า ยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ โครงสร้างปัญหาเศรษฐกิจในทางโหราศาสตร์ในขณะนี้มีความใกล้เคียงกับ เหตุการณ์ลดค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2527 ไม่ใช่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Web site)
ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นอีก ตลาดหุ้นน่าจะมีความพลิกผันตามมาตรการการรักษาค่าเงินบาท ทางที่ดี ถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า
กลุ่มที่มีอนาคตดี เหล็ก วัสดุก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้าง สุขภาพและโรงพยาบาล พลังงาน เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์อิเลคโทรนิค ทรัพยากร เทคโนโลยี อัญมณีและเครื่องประดับ ขนส่ง สื่อสิ่งพิมพ์กลุ่มสื่อสาร พาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์
กลุ่มที่มีอนาคตไม่ดี ได้แก่ สถาบันการเงิน สินค้าแฟชั่น กลุ่มผู้ส่งออกอุตสาหกรรมการเกษตร และสิ่งทอ อาหารและเครื่องดื่ม บันเทิง ท่องเที่ยว