เรียบเรียงโดย Pallas
14 กันยายน 2551
บทคัดย่อ
โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) เป็นโหราศาสตร์สาขาหนึ่งที่มีใช้งานตั้งแต่ยุคโบราณไม่ต่ำกว่าสองพันปีก่อน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เป็นสาขาวิชาที่ได้รับความนิยมสูงมากในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยนั้น แม้ว่ามีนักโหราศาสตร์ไม่น้อยทำหน้าที่ให้คำปรึกษากับนักธุรกิจหรือแม้แต่ประยุกต์ใช้งานด้วยตนเอง แต่ยังไม่พบว่ามีการศึกษาโหราศาสตร์สาขาวิชานี้อย่างเป็นระบบมากเท่าที่ควร เอกสารนำเสนอเรื่องนี้เป็นการนำเสนอ 4 เรื่องหลัก (โดย 2 เรื่องหลังนั้น เป็นการนำความรู้โหราศาสตร์มาทดสอบกับข้อมูลของไทยอย่างเป็นระบบ) ได้แก่
1. ความเป็นมาโหราศาสตร์ธุรกิจ: กรณีศึกษา 4 เรื่องว่าด้วยการนำโหราศาสตร์ไปใช้ในธุรกิจ ได้แก่ ธาเลส นักปราชญ์ยุคกรีก, เซอร์ วิลเลียม เฮอร์เชล ผู้ค้นพบดาวยูเรนัส, เจ พี มอร์แกน มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 และ กานน์ นักค้าหุ้นในตำนานวอลล์สตรีท
2. การนำโหราศาสตร์มาใช้ในการบริหารธุรกิจ: แนวทางการนำโหราศาสตร์ไปใช้ในการบริหารธุรกิจ โดยประยุกต์กับทฤษฎีแผนกลยุทธ์ (Strategy Map) ของปรมาจารย์แคปแลนและนอร์ตัน ซึ่งพัฒนามาจากทฤษฎี Balanced Scorecard อันโด่งดัง
3. การพยากรณ์ภาวะเงินเฟ้อของไทย: การทดสอบปัจจัยทางโหราศาสตร์ที่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อของประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลเงินเฟ้อตั้งแต่มีการจัดเก็บขึ้นในประเทศไทย ร่วมกับปัจจัยทางโหราศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากต่างประเทศว่ามีผลต่อภาวะเงินเฟ้อ
4. ราศีที่มีอิทธิพลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: การประมวลผลข้อมูลดวงชะตาของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพื่อค้นหาว่า ราศี, ธาตุ และคุณะ ใด ที่มีอิทธิพลสูงต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยใช้มูลค่าตลาด (Market Capitalization) เป็นดัชนีชี้วัด
หัวข้อนำเสนอ
- ความเป็นมาโหราศาสตร์ธุรกิจ
- การนำโหราศาสตร์มาใช้ในการบริหารธุรกิจ
- การพยากรณ์ภาวะเงินเฟ้อของไทย
- ราศีที่มีอิทธิพลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- บทสรุป
1. ความเป็นมาของโหราศาสตร์ธุรกิจ
นักปราชญ์ยุคกรีก ผู้ซื้อเครื่องหีบน้ำมันมะกอกทั้งหมดในเมือง Miletus หลังจากพยากรณ์ว่าปีนั้น พืชผล (ต้นมะกอก) จะอุดมสมบูรณ์ และสามารถทำกำไรจากการให้เช่าเครื่องหีบน้ำมันมะกอกในปีนั้น
- Sir William Herschel (1738-1822)
ผู้ค้นพบดาวยูเรนัส ในปี 1801 ได้นำเสนองานวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างวงรอบจุดมืดดวงอาทิตย์กับวงรอบราคาข้าวสาลี (ใช้ข้อมูลระหว่างปี 1650-1800)
นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของวาทะอันลือลั่น
Millionaires dont hire astrologers, Billionaires do
นักค้าหุ้นชาวอเมริกัน ผู้เคยสร้างสถิติซื้อขายหุ้น 308 ครั้ง ได้กำไร 286 ครั้ง หรือ 92%
2. การนำโหราศาสตร์มาใช้ในการบริหารธุรกิจ
มิติ |
ประเด็นที่น่าสนใจ |
การประยุกต์ใช้โหราศาสตร์ |
1. กลยุทธ์ (Strategy) |
- การวิเคราะห์อุตสาหกรรม (Industry analysis)
- การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor analysis)
- การวิเคราะห์สังคม (Society analysis)
- SWOT analysis
|
- การวิเคราะห์ดวงเมือง (Mundane horoscope)
- การพยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจ (Economic forecasting)
- การวิเคราะห์ดวงบริษัท (Corporate horoscope)
|
2. การเงิน (Finance) |
- การเงินธุรกิจ (Corporate finance)
- การลงทุน (Investment)
|
- การพยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจ (Economic forecasting)
- การวิเคราะห์ดวงบริษัท (Corporate horoscope)
|
3. ลูกค้า (Customer) |
- พฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer behavior)
- 4 Ps
|
- การวิเคราะห์ดวงเมือง (Mundane horoscope)
- การพยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจ (Economic forecasting)
- การวิเคราะห์ดวงบริษัท (Corporate horoscope)
|
4. กระบวนการภายใน (Internal Process) |
- การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
- การวางผังสถานที่ (Plant & office design)
- การบริหารกระบวนการทำงาน (Operation management) Supplier, Production, Distribution, Service, R&D
- การวางฤกษ์ (Electional astrology)
- โหราศาสตร์อาคารสถานที่
- กาลชะตา (Horary astrology)
|
- การวิเคราะห์ดวงบริษัท (Corporate horoscope)
- การวางฤกษ์ (Electional astrology)
- โหราศาสตร์อาคารสถานที่
- กาลชะตา (Horary astrology)
|
5. การเติบโต (Learning & Growth) |
- การสร้างทีม (Team building)
- การสรรหาบุคลากร (Recruitment)
- การพัฒนาบุคลากร (HR development)
- การจูงใจ (Motivation)
|
- การวิเคราะห์ดวงบุคคล (Natal horoscope)
- การวิเคราะห์ดวงความสัมพันธ์ (Relationship astrology)
|
หมายเหตุ: จัดแบ่งมิติของธุรกิจตามแนวคิด Strategy Map ของ Kaplan & Norton
3.การพยากรณ์ภาวะเงินเฟ้อของไทย
- ภาวะเงินเฟ้อ
- ความหมาย
ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ
- สาเหตุ
- เกิดจากต้นทุนในการผลิตสินค้าสูงขึ้น (Cost-push inflation)
- เกิดจากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น (Demand-pull inflation)
- วิธีการวัด
- ในประเทศไทยเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2509 ปัจจุบันวัดโดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อเป็นประจำทุกเดือน
- วัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาของสินค้าและบริการกลุ่มหนึ่ง ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ซึ่งระดับราคาของสินค้าและบริการ ใช้ชื่อว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index-CPI)
- การถอดความหมายทางเศรษฐศาสตร์เป็นปัจจัยทางโหราศาสตร์
- เงินเฟ้อ = ปริมาณเงินเพิ่มขึ้น อย่างไม่มีเศรษฐกิจจริงรองรับ
= ปริมาณเงิน + เพิ่มไม่จริง (หลอกลวง)
= พฤหัส (เงิน) + เนปจูน (หลอกลวง)
- คัมภีร์พระเคราะห์สนธิ
พฤหัส+เนปจูน = เงินที่หามาได้โดยง่าย การขาดแคลนเงิน การสูญเสียเงินทอง
- การพยากรณ์
- หลักปรัชญา
- ใช้หลักอุปมาหรือเปรียบเทียบทางปรัชญา
- สามารถแปลความได้อย่างกว้างขวาง รวมไปถึงเรื่องราวใหม่ๆที่ไม่เคยพบในอดีต
- หากเข้าใจปรัชญาไม่ลึกซึ้งพอ จะแปลความผิดพลาดได้ง่าย
- หลักสถิติ
- ใช้หลักการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- ใช้พยากรณ์ได้เฉพาะเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายๆครั้ง แต่ไม่สามารถพยากรณ์เรื่องราวใหม่ๆที่ไม่มีข้อมูลในอดีต
- Garbage in, Garbage out
- การแปลความตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน
- การพยากรณ์ที่ดีต้องใช้การเปรียบเทียบทางปรัชญาเป็นหลัก และสถิติเป็นตัวเสริม
- ปัจจัยทางดาราโหราศาสตร์ที่บ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ (ข้อมูลจากตำราโหราศาสตร์ต่างประเทศ)
- ปัจจัยโดด
- เนปจูนในราศีต่างๆ
- เสาร์ในราศีต่างๆ
- พฤหัสในราศีต่างๆ
- วงรอบ Recurrent
- วงรอบพฤหัส-เนปจูน : วงรอบ 12.8 ปี
- วงรอบเสาร์-เนปจูน : วงรอบ 35.9 ปี
- วงรอบพฤหัส-เสาร์ : วงรอบ 20 ปี
- สถิติเงินเฟ้อประเทศไทย

ที่มา: สำนักงานดัชนีเศรษฐกิจการค้า
- ผลการทดสอบปัจจัยทางโหราศาสตร์ต่อเงินเฟ้อ
- เนปจูน ในราศีต่างๆ
- งานวิจัยในต่างประเทศโดยมีข้อมูลย้อนหลัง 200 ปี พบว่า เงินเฟ้อจะสูงเมื่อเนปจูนเข้าราศีธาตุไฟ และจะลดลงเมื่อเข้าราศีธาตุดิน
- สอดคล้องกับหลักปรัชญาที่ว่า เนปจูน คือ การหลอกลวง ความเฟ้อ เมื่อเข้าธาตุไฟ ทำให้ความเฟ้อลุกโชนขึ้นมา (ไฟ) และเมื่อเข้าธาตุดิน ความเฟ้อก็กลับมาสู่ความเป็นจริง (ดิน)
- สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลที่มีอยู่เพียง 42 ปี พบว่า เงินเฟ้อสูงมากขณะที่เนปจูนอยู่ราศีธนู (2513-2527) และลดลงสู่ภาวะปกติเมื่อเข้าราศีมกร (2527-2541)
เสาร์ ในราศีต่างๆ
- วงรอบ 29.4 ปี
- มีข้อมูลที่มีอยู่เพียง 1.5 รอบดาวเสาร์ (2509-2551)
- เงินเฟ้อจะสูงเมื่อเข้าราศีกันย์และตุลย์ (ปัจจุบันอยู่ราศีกันย์)
- หากมองเชิงปรัชญา พบว่า ความทุกข์ยากอย่างเป็นรูปธรรม (ข้าวยากหมากแพง) น่าจะเกิดเมื่อเสาร์โคจรในราศีธาตุดิน (พฤษภ, กันย์, มกร) ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลสถิติที่มี
พฤหัสในราศีต่างๆ
- วงรอบ 12 ปี
- มีข้อมูล 3.5 รอบ
- ในเชิงปรัชญา พฤหัสหมายถึง การขยายตัว, เงิน ซึ่งหมายถึงภาคเศรษฐกิจจริงด้วย ทำให้เมื่อนำมาใช้กับเงินเฟ้อ จะเกิดสัญญาณที่ไม่ชัดเจนพอว่าเป็นเศรษฐกิจขยายตัวจริง หรือเป็นเพียงปริมาณเงินเพิ่มขึ้น (เงินเฟ้อ)
วงรอบพฤหัส-เนปจูน
- วงรอบ 12.8 ปี
- คือ วงรอบของเงินเฟ้อ เนื่องจาก เงิน (พฤหัส) เพิ่มอย่างหลอกลวง (เนปจูน)
- เงินเฟ้อสูงเมื่อทำมุมระหว่างกันเป็นมุม 330-360 องศา (ก่อนจะทับกัน) และเมื่อพฤหัสโคจรห่างออกไป เงินเฟ้อก็จะลดลง
- ปีนี้ 2551 ก็เป็นวงรอบที่เกิดเงินเฟ้อสอดคล้องกับสถิติ และปรัชญาดาว
วงรอบเสาร์-เนปจูน
- วงรอบ 35.9 ปี
- วงรอบของเงินฝืด เมื่อความเฟ้อ (เนปจูน) กลับสู่ภาวะความจริงหรือข้อจำกัด (เสาร์)
- เนื่องจากสถิติมีเพียง 1.1 รอบ จึงยังไม่น่าเชื่อถือ
- ในทางปรัชญา วงรอบนี้น่าจะส่งผลต่อการหยุดชะงักของฟองสบู่มากกว่าเงินเฟ้อ เช่น ปี 2540-42 และ 2550-51
วงรอบพฤหัส-เสาร์
- วงรอบเศรษฐกิจสำคัญ (20 ปี)
- ความหมายเชิงปรัชญา คือ การชะงัก (เสาร์) ของการขยายตัว (พฤหัส) หรือเศรษฐกิจ (พฤหัส) จริง (เสาร์)
- วงรอบนี้เหมาะที่จะใช้พยากรณ์ผลผลิตในระบบเศรษฐกิจ (GDP) มากกว่าพยากรณ์เงินเฟ้อ
- จากข้อมูลสถิติ พบว่า เงินเฟ้อจะสูงก่อนที่ดาวทั้งสองจะทำมุมกุมหรือเล็งกัน
- พระเคราะห์สนธิกับเงินเฟ้อ
- ในช่วงปี 2551-2552 พระเคราะห์สนธิที่มีความหมายว่าเงินเฟ้อโคจรเข้าจุดทวาร และจุดจุลทวาร หลายจุด แสดงให้เห็นว่า เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงในช่วง 2 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่าง 17 ส.ค.- 23 ก.ย. 2551, 30 พ.ค.- 5 ก.ค. 2552 และ 27 ธ.ค. 2552 7 ม.ค. 2553 พระเคราะห์สนธิที่แปลว่าเงินฝืดจะโคจรเข้าจุดจุลทวารและจุดทวาร ทำให้ช่วงดังกล่าว เงินเฟ้อจะลดลง (เหมือนกับขณะนี้ช่วง ส.ค.-ก.ย. 2551 ที่ราคาน้ำมันลดลง ทำให้เงินเฟ้อลดลงทั่วโลก)
- อพอลลอน + วัลคานุส เนปจูน
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "เงินเฟ้อ การทำลายความสมบูรณ์พูนสุข การทุจริตที่แพร่ออกไป การฉ้อราษฎร์บังหลวง"
- = 0 เมษ (วังกะ 1องศา) ระหว่าง 12 ก.ย. 2551- 21 ม.ค. 2552 และ
10 ต.ค. 2552- 29 ธ.ค. 2552 (ทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดภาวะเงินเฟ้อในโลก)
- ฮาเดส + อพอลลอน เสาร์
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "การเริ่มต้นหรือการจบสิ้นของความทุกข์ยากอันใหญ่หลวงของหมู่ชน ความทุกข์ยากของผู้ลี้ภัย เงินเฟ้อ การยากจนลง ความสินหวังอย่างใหญ่หลวง การล้มละลาย อัตวินิบาตกรรม"
- = 15 สิงห์ ระหว่าง 7 พ.ย. 2550- 8 ก.พ. 2551 และ 25 ก.ค. 2551- 15 ส.ค. 2551 (ทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดภาวะเงินเฟ้อในโลก)
- ฮาเดส + โครโนส พฤหัส
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "พ้นการประทุษร้ายที่หยาบช้าได้อย่างมีโชค, พ้นออกมาจากนั่นได้เพียงแค่ตาเขียว เรื่องอื้อฉาวทางการคลัง ความหายนะของธนาคาร เงินเฟ้อ"
- = 15 พิจิก (Orb 1 องศา) ระหว่าง 8-18 มี.ค. 2552, 24 ส.ค.- 7 ก.ย. 2552 และ 13-27 พ.ย. 2552 (ทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดภาวะเงินเฟ้อในโลก)
- พฤหัส + ฮาเดส เมษ
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "ขาดแคลนเงินโดยทั่วไป เงินเฟ้อ โกงเงิน ความวิตกกังวลโดยทั่วไปเกี่ยวกับภาวะการเงิน"
- = 15 พฤษภ ระหว่าง 22 มี.ค. 1 เม.ย. 2552 (ทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดภาวะเงินเฟ้อในโลก)
- เนปจูน + โครโนส พฤหัส
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "หาเงินได้ง่ายและก็ใช้ง่ายด้วย ความสุรุ่ยสุร่ายอย่างเหลือหลาย การลดมูลค่าของทรัพย์สิน (เงินเฟ้อ)"
- =15 สิงห์ 13 ส.ค.-23 ก.ย. 2552 และ = 0 กรกฎ ระหว่าง 12-21 ม.ค. 2553 (ทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดภาวะเงินเฟ้อในโลก)
- เนปจูน + วัลคานุส อพอลลอน
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "เงินเฟ้อ การเสื่อมสลายอย่างใหญ่หลวงของความรุ่งเรื่องมั่งคั่ง แผนการคดโกงอันยิ่งใหญ่ ค้นพบการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่มโหฬาร"
- = 24 พิจิก ไม่เข้าจุดทวาร
- พฤหัส + ฮาเดส แอดเมตอส
- ความหมายในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ "การขาดแคลนเงินตรา ภาวะเงินฝืด"
- = 15 กุมภ์ ระหว่าง 17 ส.ค.- 23 ก.ย. 2551 และ = 0 เมษ ระหว่าง 30 พ.ค.- 5 ก.ค. 2552 และ 27 ธ.ค. 2552 7 ม.ค. 2553 (ทำให้ช่วงดังกล่าวภาวะเงินเฟ้อในโลกจะลดลง)
- แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปี 2552
- แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางแห่งเชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อในปี 2552 จะชะลอตัวลงเพราะฐานปี 2551 สูงอยู่แล้ว แต่จากปัจจัยดาราโหราศาสตร์ต่างๆ พบว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 2552 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อไป ยกเว้นในช่วง ส.ค.-ก.ย. 2551, มิ.ย.-ก.ค. 2552 และ ธ.ค. 2552 -ม.ค. 2553

4. ราศีที่มีอิทธิพลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- สมมติฐาน
- ใช้วันเวลาที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นดวงชะตาของหุ้น (ไม่ใช่ดวงชะตาบริษัท)
- ราศี, ธาตุ และคุณะ ที่มีอาทิตย์และจันทร์ของดวงหุ้นอยู่มาก (ถ่วงน้ำหนักด้วย Market Cap.) ย่อมมีอิทธิพลสูงกับตลาดหุ้น เมื่อมีดาวใหญ่โคจรเข้าตำแหน่งนั้นย่อมส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นตามอิทธิพลของดาวนั้น
- จากตำแหน่งอาทิตย์และจันทร์ของ บจ. พบว่า
ราศีที่มีอิทธิพลสูงสุดคือ ธนู, สิงห์ และ ตุลย์ ตามลำดับ
- ราศีที่มีอิทธิพลน้อยสุด คือ เมษ, กรกฎ และมกร ตามลำดับ
ธาตุที่มีอิทธิพลสูงสดคือ ธาตุไฟ น้อยสุดคือธาตุดิน
คุณะที่มีอิทธิพลน้อยสุดคือ จรราศี
- ทิศทางตลาดหุ้นจากสมมติฐานนี้
- ดัชนีตลาดหุ้นไม่น่าจะเป็นไปในทางบวก ในช่วงระหว่างปี 2008-2011 เพราะพฤหัสไม่อยู่ในราศีสำคัญ แต่เสาร์กลับให้อิทธิพลสูง
- ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรใช้กลยุทธ์ซื้อกองทุนที่อิงกับดัชนีตลาดหุ้น แต่ควรใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นเป็นรายตัวจะดีกว่า
- คำเตือน
- ผลการวิเคราะห์ตั้งอยู่บนข้อมูลตลาด ณ 24 ก.ค. 2551 ในอนาคต สัดส่วน Market Cap ของแต่ละราศีย่อมเปลี่ยนแปลงตาม บจ.และภาวะตลาด
- การวิเคราะห์นี้มาจากการวิเคราะห์เพียงมิติเดียวเท่านั้น การลงทุนจริงควรวิเคราะห์ให้รอบด้านกว่านี้
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน
บทสรุป
- โหราศาสตร์ธุรกิจไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่มีมานานเป็นพันปีแล้ว ทางตะวันตกจะมีข้อมูลมากกว่าเพราะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมก่อนประเทศไทย
- โหราศาสตร์สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจได้อย่างหลากหลาย นักโหราศาสตร์ที่เข้าใจธุรกิจจะสามารถให้คำแนะนำได้ดีกว่าผู้ที่รู้เพียงด้านใดด้านหนึ่ง
- การพยากรณ์ดัชนีทางเศรษฐกิจต้องนำการแปลความหมายเชิงปรัชญาผสมกับข้อมูลทางสถิติจะทำให้ได้คำพยากรณ์ที่มีความแม่นยำมากขึ้น
- การใช้โหราศาสตร์มาพยากรณ์ภาวะตลาดหุ้นได้อย่างแม่นยำ ไม่ได้แปลว่าจะได้กำไรจากการลงทุน แต่หากพยากรณ์ผิดพลาด ย่อมมีโอกาสกำไรน้อยลงไปอีก
หมายเหตุ
บทความนี้มาจากสไลด์นำเสนอในรูปแบบ Powerpoint ที่ผมได้บรรยายในงาน "วันโหรจรัญ 2551" เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551 ณ อาคารศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กทม. ซึ่งไม่ได้มาจากการเรียบเรียงเป็นบทความ จึงทำให้มีลักษณะเป็นหัวข้อ มากกว่าเป็นรายละเอียด และเนื้อหาหลายส่วนอยู่ในคำบรรยาย ไม่ได้นำมาลงในบทความนี้ ซึ่งทำให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ฟังการบรรยายดังกล่าว อาจไม่เข้าใจในบางประเด็นได้ อย่างไรก็ตาม หัวข้อและประเด็นสำคัญได้ปรากฏในบทความนี้ครบถ้วนแล้ว