โดย Pallas
9 ก.พ. 2552
หลังจากดาวพลูโตยกเข้าราศีมกรเมื่อ 26 มกราคม 2008 โลกของเราก็เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างที่หลายคนไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน แม้ว่าในช่วงกลางปี 2008 ดาวพลูโตจะถอยกลับเข้าราศีธนู ทำให้การเปลี่ยนแปลงในช่วงนั้นออกจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่เมื่อพลูโตยกเข้าราศีมกรอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย. 2008 โลกจึงเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เริ่มด้วยชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายบารัค โอบามา ภายใต้แคมเปญหาเสียงว่า Change เมื่อ 4 พฤศจิกายน 2008 สำหรับเมืองไทยของเรา ก็เกิดเหตุการณ์พลิกขั้วทางการเมืองในเดือนธันวาคม 2008 จนได้นักการเมืองหนุ่มหล่ออย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีสื่อตั้งฉายาว่า โอบามาร์ค เพราะท่านนายกฯมีชื่อเล่นว่า มาร์ค และเป็นคนหนุ่ม(กว่า)เหมือนนายโอบามา
ต่อมา เมื่อนายโอบามาได้ประกาศรายชื่อรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลของเขา ก็ปรากฏชื่อคนหนุ่มอีกคนหนึ่งเข้ามารับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (Secretary of Treasury) ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยนำพาประเทศสหรัฐอเมริกาให้ผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 70 ปี คือ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ เมื่อผมได้นำวันเกิดของประธานาธิบดีโอบามาและนายไกธ์เนอร์มาวิเคราะห์ดูก็พบสิ่งที่น่าสนใจหลายประการ กล่าวคือ
นายโอบามา เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1961 เวลา 19:24 น. ที่เมือง Honolulu รัฐฮาวาย อาทิตย์กำเนิดอยู่ราศีสิงห์ ส่วนนายไกธ์เนอร์ เกิดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1961 นิวยอร์ก ไม่ทราบเวลาเกิด ทั้งสองคนเกิดปีเดียวกัน อาทิตย์กำเนิดอยู่ราศีสิงห์เช่นเดียวกัน โดยห่างกันเพียง 13 องศาเท่านั้น ทั้งคู่เกิดในช่วงที่ดาวทิพย์วัลคานุส ดาวแห่งอำนาจอันใหญ่หลวง อยู่ที่ 0 องศา ราศีกรกฎ ซึ่งเป็นแกนสำคัญของโลก ที่สำคัญ วัลคานุสจรสุริยยาตร์ ในปัจจุบัน ของโอบามา เท่ากับอาทิตย์กำเนิด (Vu v2 = Su r) และของไกธ์เนอร์ เท่ากับ จันทร์กำเนิด (Vu v1 = Mo r) จึงไม่แปลกที่ทั้งสองคนได้เข้ามารับตำแหน่งที่จะมีอิทธิพลสูงยิ่งของโลกปัจจุบัน


หันมาดูบ้านเรา นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 1964 ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศสหราชอาณาจักร อาทิตย์กำเนิดอยู่ราศีสิงห์เช่นเดียวกับโอบามาและไกธ์เนอร์ ที่น่าสังเกตคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ คือคุณกรณ์ จาติกวาณิช ซึ่งเกิดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1964 ที่กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร อาทิตย์กำเนิดอยู่ราศีกุมภ์ ทั้งสองคนต่างก็เกิดในต่างประเทศเหมือนกัน (เกิดในอังกฤษทั้งสองคน) ทำให้สันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีอิทธิพลของดาวเสาร์แรง เมื่อมาวิเคราะห์จากดวงชะตา ก็พบว่า คุณอภิสิทธิ์มีดาวเสาร์สันโดษ ส่วนคุณกรณ์มีดาวเสาร์ทำมุม 135 องศากับราหู นี่อาจเป็นประเด็นที่ทั้งสองคนได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลในช่วงเสาร์สันโดษพอดี
ข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ ทั้งสี่คนที่กล่าวมา มีอาทิตย์กำเนิด อยู่สถิรราศี (Fixed Sign) ด้วยกันทั้งสิ้น โดยสามคนแรกมีอาทิตย์อยู่ราศีสิงห์ ส่วนคุณกรณ์มีอาทิตย์กำเนิดอยู่ราศีกุมภ์ (แม้ว่าจะปลายราศีจนเกือบจะยกเข้าราศีมีนก็ตาม) และในปี 2552 นี้ ดาวพฤหัสก็โคจรอยู่ในราศีกุมภ์ ทำมุมเล็งกับราศีสิงห์พอดี ทำให้ทั้งสี่คนได้รับอิทธิพลความสำเร็จจากดาวพฤหัสไปด้วย
ในช่วงที่คุณอภิสิทธิ์ก้าวขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มีข่าวว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยโรงเรียนอีตันของคุณอภิสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการกรุงลอนดอน (Mayor of London) คือ นายบอริส จอห์นสัน (Boris Johnson เกิด 19 มิ.ย. 1964 New York, USA) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงนายกฯอภิสิทธิ์ว่า
"Mark is a man of intense integrity and high intellectual gifts. I am sure he will be a splendid leader in Thailand มาร์คเป็นบุรุษผู้ทรงเกียรติศักดิ์ยิ่ง และมีสติปัญญาเยี่ยมยอด ผมเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้นำอันประเสริฐของเมืองไทย
จากข้อมูลนี้ทำให้ผมสนใจการเมืองในประเทศอังกฤษขึ้นมาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยหรือไม่ จึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมและพบข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอังกฤษคือ นายกอร์ดอน บราวน์ แห่งพรรคแรงงานนั้น จะอยู่ครบวาระในเดือนมิถุนายน ปี 2010 อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศสหราชอาณาจักรมักจะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เมื่อครบ 4 ปีมากกว่าจะรอจนหมดวาระ 5 ปีตามกฎหมาย ทำให้เชื่อกันว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงกลางปีนี้ (2009)
พรรคการเมืองใหญ่ในประเทศสหราชอาณาจักรนั้นมีด้วยกัน 2 พรรค คือ พรรคแรงงาน (Labour Party) และพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) นอกนั้นจะเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็กซึ่งแทบจะไม่มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคแรงงานนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลมาติดต่อกันตั้งแต่ปี 1997 รวมเป็นเวลา 12 ปีแล้ว ส่วนพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ ได้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2005 ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็เป็นคนหนุ่มชื่อ นายเดวิด คาเมรอน (David Camaron) เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1966 เวลา 6:00 น. กรุงลอนดอน ปัจจุบันอายุ 43 ปี
นายคาเมรอนคนนี้เป็นรุ่นน้องของนายกฯอภิสิทธิ์ของไทยเรา ตั้งแต่เรียนอยู่ที่โรงเรียนอีตัน ตามด้วยคณะปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (Philosophy, Politics, and Economics) มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เข้าร่วมงานทางการเมืองกับพรรคอนุรักษ์นิยมตั้งแต่จบการศึกษา ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2001 และก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม เมื่อเดือนธันวาคม 2005 ด้วยวัยเพียง 39 ปีเท่านั้น
นอกจากประวัติการศึกษา และรูปแบบการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ของประเทศตั้งแต่อายุยังน้อยหลังพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปอย่างราบคาบ แล้ว สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์และนายคาเมรอนคล้ายกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองและกลายมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ทั้งสองได้ส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าการเมืองหลวงและสามารถเอาชนะพรรครัฐบาลในขณะนั้นมาได้ โดยในเมืองไทย พรรคประชาธิปัตย์ส่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร สมัยที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2008 ส่วนที่อังกฤษ พรรคอนุรักษ์นิยมส่งนายบอริส จอห์นสัน ลงชิงตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2008 หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งผู้ว่าเมืองหลวง หัวหน้าพรรคก็สามารถพลิกขั้วการเมืองขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ส่วนที่อังกฤษนั้น คงต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อเอาชนะระดับผู้ว่าเมืองหลวงแล้ว พรรคอนุรักษ์นิยมจะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่
ตามพื้นดวงของเดวิด คาเมรอน พบว่า วัลคานุสกุมกับเมอริเดียน บ่งบอกถึง ความเป็นผู้ทรงอำนาจ ที่สำคัญจุดนายกรัฐมนตรี Ju+Kr-Vu = Vu บ่งบอกว่า เขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะเป็นเมื่อไรเท่านั้นเอง
หากเราตั้งสมมติฐานว่า ปีนี้อังกฤษจะมีการยุบสภาและเลือกตั้งทั่วไปตามประเพณีแล้ว เราก็สามารถวิเคราะห์ดวงจรของหัวหน้าพรรคทั้งสองคนเพื่อดูว่าใครมีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากกว่า ซึ่งพบว่า ดวงชะตาของนายกอร์ดอน บราวน์ เสาร์จรจะเข้ามาเล็งอังคารกำเนิดประมาณเดือนสิงหาคมนี้ แต่พฤหัสจรกลับโคจรมาเล็งกับอังคารกำเนิดของนายคาเมรอนแทน ที่สำคัญจุดนายกฯจะโค้งถึงลัคนาและเมอริเดียนของนายคาเมรอนในปี 2009 เช่นกัน ผมจึงเชื่อว่า ภายในปี 2009 นี้ การเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลจากคนรุ่นเก่ามาเป็นคนรุ่นใหม่ก็จะเข้าไปสู่ประเทศอังกฤษในปีนี้ตามการเปลี่ยนแปลงในสหรัฐฯ และประเทศไทยไปอย่างติดๆ
และประเทศอังกฤษก็จะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นรุ่นน้องนายกรัฐมนตรีประเทศไทย และโลกของเราก็จะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้นำรุ่นใหม่อย่างชัดเจน