วิโรจน์ กรดนิยมชัย
1 กันยายน 2552
การทำธุรกิจในแบบของพ่อมีช่องโหว่มากเกินไป
พ่อวิ่งไปข้างหน้าแต่ลืมข้างหลัง ไม่ทันได้คิดสร้างทายาทขึ้นมารับช่วงต่อ
ไม่มีคนคอยดูแลรายละเอียดในสิ่งที่พ่อบุกไว้ และวิ่งเร็วเกินไปจนไม่มีใครฉุดอยู่
เหมือนรถไฟที่เครื่องมันแรงเกิน พอไปถึงทางโค้งรั้งไว้ไม่ไหว มันก็ตกราง
ในที่สุดไม่ถึง 10 ปี กิจการของพ่อก็ค่อยๆลดลง
จนเหลือแต่โรงหนังศรีวิศาล และที่ดินนิดหน่อย
กระทั่งวัยล่วงเลยมากว่า 70 ปี
ผมเห็นว่าพ่อเหนื่อยมามากแล้วควรพักบ้าง
จึงชวนพ่อมาอยู่บ้านสวนนนทบุรี ซึ่งผมจัดไว้ให้
พ่อดูมีความสุขมาก เพราะได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
ทำสวน ปลูกดอกไม้ ตามความชอบของพ่อ และสิ้นลมอย่างสงบเมื่อปี 2540
จากไปโดยไม่ทิ้งทรัพย์สินเงินทองไว้ให้ ไม่มีกิจการใหญ่โตให้ลูกหลานสืบช่วงต่อ
เหลือไว้แต่มรดกทางความคิด และจิตวิญญาณ ซึ่งดูเหมือนผมจะได้รับมากกว่าใคร
เป็นข้อความที่ ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวถึง เลิศ ชินวัตร บิดาผู้ล่วงลับไปแล้วจากหนังสือ ทักษิณ ชินวัตร ตาดูดาว เท้าติดดิน โดย วัลยา สนพ. มติชน
ข้อความข้างต้นนี้ เปรียบเสมือน Road Map หรือแผนที่นำทางชีวิตของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี หากเขารู้จักหลักปรัชญาที่ว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน และได้มีโอกาสย้อนกลับมาอ่าน อ่านสิ่งที่เขาได้เขียนเอาไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับผู้อ่านคนอื่นๆ แต่สำหรับตัวเขาเอง สิ่งที่เขาเคยเขียนไว้ เขาได้นำมาเป็นบทเรียนและเป็นอุทาหรณ์สอนใจตนเองบ้างหรือเปล่าไม่มีใครตอบได้ ซึ่งถ้าเขาได้อ่าน วันนี้ชีวิตของเขาอาจจะไม่เหมือนที่เป็นเช่นนี้ก็ได้
ผู้เป็นพ่อแม่ทุกคนย่อมต้องการสร้างสิ่งต่างๆเอาไว้ให้ลูกหลาน ทายาท ไว้สืบสานต่อ เลิศ ชินวัตร หรือบุญเลิศ หรือพ่อเลี้ยงเลิศ ก็เช่นเดียวกัน คงหวังที่จะสร้างสิ่งต่างๆเพื่อสร้างอนาคต เตรียมไว้เพื่อให้ลูกหลานได้สืบทอดในอนาคต จากที่ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้รู้ว่ามีหลายสิ่ง หลายตอนที่เจ้าของอัตชีวประวัติ มีความภาคภูมิใจที่กล่าวถึงพ่อของเขา ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ พ่อนำสิ่งแปลกใหม่ เช่น ตู้เย็น หลังแรกมาใช้งานที่ร้านกาแฟในตลาดสันกำแพง เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ทำหลายสิ่งเหมือนที่พ่อของเขาเคยทำ คือ นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารทันสมัยหลายอย่าง แม้กระทั่งเป็นผู้ลงทุนสร้างดาวเทียมดวงแรกของประเทศไทยที่ทำให้สามารถพูดได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่กล้านำเทคโนโลยีชั้นสูงมาให้คนไทยได้ใช้ และสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัวของเขา เช่นเดียวกับที่พ่อของเขา นำตู้เย็นหลังแรกมาใช้งาน และสร้างความร่ำรวยให้กับครอบครัวในสมัยนั้น
การใช้ชีวิตของ ทักษิณ ชินวัตร ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆทั่วไปที่
คนรุ่นหลังย่อมต้องมีความก้าวหน้ากว่าคนรุ่นก่อนหน้า สังคมจะได้เจริญก้าวหน้า
ลูกย่อมต้องได้สิ่งที่ดีกว่าพ่อแม่
เพราะบทเรียนที่ลูกได้รับรู้มาจากพ่อแม่นั้น จะสอนให้ลูกรู้จักเลือกทางเดินที่ดีกว่า
ปรัชญาโหราศาสตร์ที่สำคัญ
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน
ในทางโหราศาสตร์แล้วการเปรียบเทียบเหตุการณ์ใดๆนั้นจะเปรียบเทียบในเชิงปรัชญาเปรียบเทียบ ซึ่งอาจจะเหมือนกันทั้งนามธรรม และรูปธรรม หรือเหมือนกันเพียงรูปธรรม แต่ต่างกันที่นามธรรม หรือเหมือนกันในนามธรรม แต่แตกต่างกันที่รูปธรรมก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ที่สามารถเข้าใจหรือตีความหมายของปรัชญาได้เพียงใด
ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ผมเองเคยทำผิดพลาดก็หลายครั้งหลายหน ทุกคราวล้วนสร้างความลำบาก ก่อแรงบีบคั้นให้กับชีวิต และครอบครัวมากอย่างสาหัส ผมจึงไม่อยากให้ผู้อื่น ต้องประสบความทุกข์ดังที่ผมเคยมีเคยเป็น ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมา ไม่มีใครผิดทั้งหมดหรือถูกทุกเรื่อง ท่านผู้อ่านก็เช่นกัน ย่อมต้องเคยกำลังเผชิญ หรืออาจต้องพบกับความล้มเหลว พลั้งพลาดในอนาคตไม่มากก็น้อย ตาดูดาว เท้าติดดิน จึงเป็นประสบการณ์ ที่ผมปรารถนาจะแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านนำมาปรับประยุกต์ กับการดำเนินชีวิตในวันข้างหน้า บางเรื่องอาจหยิบไปใช้ บางเรื่องอาจเป็นอุทาหรณ์สอนใจ สุดแท้แต่จะพอใจ โดยเฉพาะ ในภาวะที่บ้านเมืองยุ่งเหยิงเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้
.
ข้อความอีกตอนหนึ่งของทักษิณ ชินวัตร จากหนังสือเล่มเดียวกันนี้ แม้จะเขียนไว้หลายปีแล้ว แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้เตือนใจได้ในวันนี้
อดีต |
ปัจจุบัน |
อนาคต |
เลิศ ชินวัตร |
ทักษิณ ชินวัตร |
พานทองแท้ ชินวัตร |
เกิดปี 2462 |
เกิด 26 กรกฎาคม 2492 |
เกิด 2 ธันวาคม 2522 |
ทักษิณ ชินวัตร ผู้ก้าวขึ้นสู่อัศวินคลื่นลูกที่ 3 นับจากวันที่เขาเริ่มโครงการดาวเทียม ไทยคม โดยได้รับสัมปทาน เมื่อ 11 กันยายน 2534 หลังจากที่ได้เข้าพบกับ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติที่เรียกว่า รสช. เป็นที่น่าสังเกตว่า อายุการใช้งานของดาวเทียมแต่ละดวงจะอยู่ระหว่าง 12-15 ปี ซึ่ง ดาวเทียมไทยคม 1 มีอายุใช้งาน 15 ปี (เท่ากับการโคจรครึ่งรอบการโคจรของดาวเสาร์) ผู้ได้รับสัมปทานมาเมื่อปี 2534 ก็ขายหุ้นให้แก่ เทมาเสก เมื่อ 23 มกราคม 2549 หรือ 15 ปี หลังจากได้รับสัมปทาน และหลังจาก 19 กันยายน 2549 เขาก็ต้องพ้นไปจากความยิ่งใหญ่ โดย พลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิวัติ คมช.
บทความนี้ผมเขียนค้างมาหลายวันแล้ว ด้วยยังไม่มีเวลามากพอที่จะเขียนบทสรุป แต่เผอิญที่ เมื่อ13 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ผมได้ไปบรรยายในงานวันโหรจรัญ และได้มีการนำสิ่งที่ผมบรรยาย รวมทั้งบทสัมภาษณ์ของผมไปตีพิมพ์ในสื่อหลายแห่ง ซึ่งตอนที่ให้สัมภาษณ์นั้น ผมไม่ได้นำบทความนี้ไปด้วย จึงได้แต่คุยกันปากเปล่าเท่าที่จำได้ แต่เมื่อข้อความที่สื่อนำไปใช้นั้น สร้างความเข้าใจที่คิดว่า ผมมีอคติกับ ทักษิณ ชินวัตร ผมจึงจำเป็นต้องเขียนบทความนี้ต่อให้จบเร็วขึ้น
ล่าสุด เมื่อช่วงหัวค่ำ (14 ก.ย. 2552) ได้มีลูกศิษย์คนหนึ่งโทรมาแจ้งว่า ทักษิณ ชินวัตร พูดถึง โหร กับ โหน ผมจึงตามอ่านใน TWITTER ได้พบข้อความหนึ่งที่ ทักษิณ ชินวัตรกล่าวไว้เอง ผมจึงได้ข้อสรุปของบทความนี้โดยไม่ต้องสรุปเอง ขอบคุณครับ ทักษิณ ชินวัตร กับประโยคสุดท้ายที่คุณเขียนเอง
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 12:12:12 น. มติชนออนไลน์
"แม้ว"ตอบทวิตเตอร์ไม่สนโหรทำนาย สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย ดวง"มาร์ค" นายกฯถึงปีหน้า ยุบสภาฯหลังแก้รธน.
"แม้ว"ไม่สนโหรทำนาย วาระสุดท้ายของบั้นปลายชีวิตไม่เหลืออะไรเลย เหมือนพ่อ ผิดกับ"อภิสิทธิ์"ไปต่างประเทศยังไงก็ได้กลับมาเมืองไทย และยังได้เป็นนายกฯลากยาวไปถึงปีหน้า ชี้เหตุการณ์19 ก.ย. ไม่รุนแรง ทำนายยุบสภาปี 53 หลังแก้รธน. อดีตนายกฯ อัดปชป.มีแต่ต่อรอง-โชว์วาทะ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน หลังจากที่มี นักโหราศาสตร์ทำนายดวงว่า วาระสุดท้ายของบั้นปลายชีวิตไม่เหลืออะไรเลย เหมือนพ่อ ผิดกับดวงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังได้เป็นนายกฯ ลากยาวไปถึงปีหน้า ว่า "โหรมีสองประเภทครับ คือโหร กับโหนผม ไม่ได้ติดตามเลยไม่ทราบว่า เป็นอันไหนแน่ ทุกวิชาชีพถ้าจะให้เป็นที่เคารพ ต้องมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพนั้นๆ"
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวในทวิตเตอร์อีกว่า การเมืองอ่อนแอ มีการต่อรองตลอดเวลา รัฐบาลประชาธิปัตย์ทุกรอบ จะโชว์วาทะ และความจัดเจนในการเมืองมากกว่าความสามารถในการบริหารบ้านเมือง
"ผมอโหสิกรรมให้ทุกคนมานานแล้วครับ
กรรมใครกรรมมันต่างก็ต้องชดใช้กันเอง ถ้าเราไปเครียดแค้นกัน ก็จะติดบ่วงกรรมกันไปไม่รู้จักจบสิ้น"