วิโรจน์ กรดนิยมชัย
2 ธันวาคม 2554
ปี 2554 มีปรากฎการณ์การเกิด(คราสอุปราคา) รวมทั้งสิ้น 6 ครั้ง ซึ่งนับได้ว่ามากกว่าปกติ (ปกติจะเกิดปีละ 4 ครั้ง) เป็นสุริยุปราคาบางส่วน 4 ครั้ง และจันทรุปราคาเต็มดวง 2 ครั้ง ได้แก่
ครั้งที่ 1 วันที่ 4 มกราคม ปรากฎการณ์สุริยุปราคา บางส่วน (Partial Solae Eclipse)
ครั้งที่ 2 วันที่ 1 มิถุนายน ปรากฎการณ์สุริยุปราคา บางส่วน (Partial Solae Eclipse)
ครั้งที่ 3 วันที่ 15 มิถุนายน ปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse)
ครั้งที่ 4 วันที่ 1 กรกฎาคม ปรากฎการณ์สุริยุปราคา บางส่วน (Partial Solae Eclipse)
ครั้งที่ 5 วันที่ 25 พฤศจิกายน ปรากฎการณ์สุริยุปราคา บางส่วน (Partial Solae Eclipse)
ครั้งที่ 6 วันที่ 10 ธันวาคม ปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse)
Solar and Lunar Eclipses of 2011
Partial Solar Eclipse of 2011 Jan 04 |
Partial Solar Eclipse of 2011 Jun 01 |
Total Lunar Eclipse of 2011 Jun 15 |
Partial Solar Eclipse of 2011 Jul 01 |
Partial Solar Eclipse of 2011 Nov 25 |
Total Lunar Eclipse of 2011 Dec 10
|

|

|

|

|

|

|
การเกิดคราส(อุปราคา)ทุกครั้งจะทำให้เกิดปรากฎการณ์ เหตุการณ์ และอุบัติการณ์ทางธรรมชาติแตกต่างกัน ความรุนแรงของเหตุการณ์แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเชิงมุมของการเกิดคราสว่าแนวเส้นผ่านศูนย์กลางของการเกิดคราสอยู่ใกล้กันเพียงใด ถ้าอยู่ใกล้กันมาก อิทธิพลก็จะรุนแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดคราสชนิดเต็มดวง (Total Eclipse) จะให้อิทธิพลมากที่สุด เพราะเส้นผ่านศูนย์กลางการเกิดคราสแทบจะทับสนิทองศากันเลย (บทความนี้จะไม่กล่าวถึงการเกิดสุริยุปราคาบางส่วน จำนวน 4 ครั้ง เพราะมีอิทธิพลไม่มาก) เช่น เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) เส้นผ่านศูนย์กลางการเกิดคราสเกือบจะอยู่กลางดวงอาทิตย์เลย โดยมีระยะเวลาการเกิดคราสจนถึงสิ้นสุดตั้งแต่เวลา 17.22.56 - 23.00.45 GMT. รวมเวลาการเกิดคราส 5.33.49 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นได้ ตั้งแต่ทวีปเอเซีย ออสเตรเลีย อาฟริกา ยุโรป และอเมริกาใต้.โดยปกติแล้วตามที่ทราบกันทั่วไปว่าการโคจรของดวงจันทร์นั้นมีผลต่อการขึ้น-ลงของกระแสน้ำในแต่ละวัน และแต่ละเดือน

ในทางโหราศาสตร์อธิบายว่า
1. ประเทศที่สามารถมองเห็นการเกิดคราส จะได้รับอิทธิพลทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ
2. ระยะเวลาความนานของการเกิดจันทรุปราคาจะมีอิทธิพลนานชั่วโมงละเดือน
3. เป็นการเกิดคราสในราศีธนู ธาตุไฟ ทางทิศตะวันออก
ดังนั้น การเกิดคราสครั้งนี้ จะมีอิทธิพลนาน ก่อนและหลังการเกิดคราส 5 เดือนเศษ ซึ่งจะพบว่า
1. ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อตัวผู้นำในหลายประเทศในอาฟริกา และตะวันออกกลางได้แก่ อิยิปต์ อิรัค และแม้แต่ประเทศไทยก็ยังเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี
2. เกิดวิกฤติการณ์ความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินในทวีปยุโรป
3. เกิดแผ่นดินไหว และอุทกภัยในสหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในอเมริกาใต้
4. เกิดแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ยังผลให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับประเทศญี่ปุ่น
5. เกิดพายุใต้ฝุ้นหลายลูกในทวีปเอเซียทำให้เกิดความเสียหายในหลายประเทศ
6. ล่าสุดเกิดวิกฤติมหาอุทกภัยที่ประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนานหลายเดือนทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากที่ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ว่าจะเป็นเท่าไหร่
วันที่ 10 ธันวาคม 2554 จะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) โดยมีระยะเวลาการเกิดคราสจนถึงสิ้นสุดตั้งแต่เวลา 18.34 - 00.30 น. กทม. รวมเวลาการเกิดคราสประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นได้ ตั้งแต่ในมหาสมุทรแปซิฟิค ทวีปเอเซีย ออสเตรเลีย อาฟริกาตะวันออก และยุโรป
จันทรุปราคาเต็มดวง วันที่ 10 ธันวาคม 2554 ตรงกับวันรัฐธรรมนูญของไทย หากจะเทียบว่าวันรัฐธรรมนูญคือดวงชะตาของบุคคลคนหนึ่ง ในทางโหราศาสตร์ให้ความสำคัญว่า ในวันครบรอบวันเกิดปีใดที่ตรงกับการเกิดคราส แสดงว่า ปีนั้นชีวิตจะไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่า วันรัฐธรรมนูญที่ 10 ธันวาคม 2554 นี้ ย่อมมีเหตุการณ์ที่จะมีผลกระทบทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพต่อรัฐธรรมนูญ หรือระบบรัฐสภา ของประเทศไทย อย่างแน่นอน
การเกิดคราสครั้งนี้ อธิบายทางโหราศาสตร์ยูเรเนียนได้ว่า
1. การเกิดคราสขึ้นตรงกึ่งกลางศีรษะ Ptolemy กล่าวว่า การเกิดคราสตรงกึ่งกลางศีรษะ จะมีอิทธิพลยาวนาน 4-8 เดือนทั้งก่อนและหลังการเกิดคราส แสดงว่า เหตุการณ์ทางการเมือง และอุทกภัยที่เกิดขึ้นมาแล้วก่อนการเกิดคราส จะเกิดขึ้นได้อีกใน 6 เดือนแรกของปี 2555 และเหตุการณ์สำคัญมักจะเกิดขึ้นในระยะ 40 วันนับจากการเกิดคราส
2. เกิดคราสในเรือนที่ 11 ซึ่งหมายถึงรัฐสภา จะเกิดการเปลี่ยนแปลง สะท้อนดาวอังคารในเรือนที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องความขัดแย้งของผลประโยชน์ มีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีความขัดแย้งอย่างรุนแรง และมีผลทำให้อายุของสภาผู้แทนฯ ไม่น่าเกินเดือนพฤษภาคม 2555
3. ตำแหน่งจันทร์ของการเกิดคราส ทำมุมเล็งจันทร์ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ 18 องศา ราศีธนู แสดงว่า ตัวของยิ่งลักษณ์จะได้รับอิทธิพลของการเกิดคราสครั้งนี้อย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ยิ่งลักษณ์มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบ่งบอกถึงความไร้สำนึก (Unconscious) ตามอิทธิพลของดวงจันทร์
4. ดาวพฤหัสในเรือนที่ 9 แสดงถึงความสำเร็จและความเข้มแข็งของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสะท้อนเรือนที่ 4 แสดงว่า บทบาทของฝ่ายค้านมีความเข้มแข็ง
5. ดวงอาทิตย์ ราหูและดาวคิวปิโด ในราศีธนูเรือนที่ 5 สะท้อนดาวมฤตยู ในราศีเมษเรือนที่ 8 หมายถึง ปัญญาชน นักวิชาการ จะรวมตัวกันหรือมีกิจกรรมที่มีผลทำให้รัฐบาลต้องนับหนึ่งใหม่
6. ดาวเนปจูนราศีกุมภ์เรือนที่ 7 การไม่ได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ แสดงว่า การติดต่อใดๆของรัฐบาลกับประเทศคู่เจรจาจะล้มเหลว ยกเว้น การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ในทางลับ หรือการจัดสรรผลประโยชน์ที่ผิดจริยธรรม
7. คราสในราศีมิถุนซึ่งเป็นธาตุลม มีผลทำให้เกิดข้าวยากหมากแพง การป่วยไข้ โรคระบาด ความเสียหายของสัตว์ปีกและผู้ที่อยู่อาศัยตามชายทะเล
บทสรุป
การเกิดคราสในครั้งนี้เป็นสิ่งบอกเหตุให้เรารู้ว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับระบบรัฐสภาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะบริบทของประเทศไทยนั้น การข่มขืนกระทำชำเรา เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการนั้น คือ การถูกปรับแพ้ ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีผลในทางปฎิบัติ คนที่เขียนกฎหมายขึ้นมาหลายคนถูกกฎหมายที่เขียนขึ้นลงโทษตนเองมาหลายคนแล้ว
นอกจากการเกิดคราสที่บ่งบอกเหตุการณ์แล้ว ดวงชะตาของประเทศไทยประจำปี 2555 ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ ยังมีสิ่งที่บอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่มั่นคง และอยู่ในกรอบปฏิบัติที่ถูกที่ควร
ปรัชญาโหราศาสตร์ที่สำคัญจะฝากเอาไว้ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน ...
นักการเมืองในอดีตที่ถูกคำพิพากษาลงโทษ และหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
ไม่เคยมีใครได้กลับประเทศไทยขณะที่ยังมีลมหายใจแม้สักคนเดียว
..............................................
ข้อมูล : http://eclipse.gsfc.nasa.gov/eclipse.html