เคยอ่านหนังสือที่ระลึกของมูลนิธิฯ มีบทความของ อาจารย์วิโรจน์แสดงวิธีการทายจรอายุ ตามหลัก 1ปี หนึ่งราศี

ล่าสุดก็อ่านของ อาจารย์พุธลัคน์ และก็ทราบมาว่า ท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ท่านก็ใช้หลักนี้

1วัน เท่ากับ หนึ่งปี เท่ากับหนึ่งองศา พอเข้าใจ แต่ไม่ทราบว่า 1ปี เท่ากับ หนึ่งราศีนี้มายังไง แล้วทำไม ปีที่สิบสามต้องกระโดดข้ามไปหนึ่งราศีครับ

ท่านใดทราบที่มาที่ไป ช่วยอธิบายเป็นวิทยาทานด้วยครับ

จากที่ได้เรียนมาจากอาจารย์ประยูร และผมนำมาใช้สอน รวมทั้งใช้พยากรณ์ด้วย เป็นเรื่อง การพยากรณ์จรตามอายุขัย ระบบเรื่อนชะตา ตามที่คัดลอกมาให้ดูเป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือเรียนที่ผมจัดทำและเรียบเรียงจากเอกสารที่อาจารย์ประยูรสอนมาโดยไม่มีการดัดแปลงหรือใส่ความคิดของตนเองเข้าไปด้วย

(3) ระบบเรือนชะตาจร

                มาจากพัฒนาการของชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งเทียบ 1 ปีเหมือน 1 ชาติ (คิดตั้งแต่ วันเกิด ถึงวันเกิด) โดยเฉพาะ 12 ปี เทียบได้กับ 1 ชาติ (จังหวะ 12)

                หลักการก็คือ ชีวิตในแต่ละปีย่อมหมุนเวียนไปตามลำดับเรือนชะตา ปีละ 1 เรือน กล่าวคือ อายุ 1 ปี คือเรือนที่ 1  อายุ 2 ปี คือเรือนที่ 2  อายุ 3 ปี  คือเรือนที่ 3 .......

      อายุ 12 ปี คือเรือนที่ 12 อายุ 13 ปีจึงตรงกับเรือนที่ 1 ใหม่อีก และอายุ 25 ปีก็จะตรง กับเรือนที่ 1 อีกเช่นกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย เมื่ออายุตกเรือนชะตาใด เรือนชะตานั้นก็จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเจ้าชะตา หรือเข้ามามีบทบาทรุนแรง

การใช้ลัคนาจร คือ การใช้วงรอบของธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดลึกๆจริง คงต้องศึกษาหาความรู้ชั้นสูง และรายละเอียดเชิงลึกต่อไป 

แม้ว่าพื้นฐานที่มาของลัคนาจร หรือปัจจัยจร อื่นๆ อาจจะมีหลักการคล้ายกัน หรืออันเดียวกัน แต่การนำไปใช้แตกต่างกันตามแต่ละวิธีการครับ

การใช้ลัคนาจร ในแบบของท่านอาจารย์ อรุณ ลำเพ็ญ เรียกว่า ชัณษาจร จะแตกต่างจากลัคนาจรทั่วไปของโหราศาสตร์ไทย  ซึ่งจริงๆแล้ว การใช้ ลัคนาจร ของโหราศาสตร์ไทยมีใช้หลายรูปแบบครับ ทั้งแบบที่ 1 ปี ต่อ 1 ราศี เหมือนกับที่ยูเรเนียนใช้ก็มี และเข้าใจว่ามีลัคนาจรแบบอื่นอีกหลายแบบ อย่างไรก็ตามวิธีการนำไปใช้ก็แตกต่างกันตามแต่ละแบบ แต่ละสาย

เรื่องชัณษาจร นั้นเคยมีคนเขียนบทความวิเคราะห์เอาไว้แล้ว แต่แพร่หลายกันในเฉพาะกลุ่มของลูกศิษย์ท่าน อาจารย์ อรุณ ลำเพ็ญ เท่านั้น และเท่าที่ผมทราบมาเรื่องวิธีการใช้ลัคนาจร หรือปัจจัยจร เป็นเคล็ดลับ หรือความรู้ชั้นสูงอย่างหนึ่งของแต่ละสาย มักจะไม่ถ่ายทอดกันง่าย ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ที่จะได้รับการถ่ายทอดนั้น ต้องเป็นที่รู้จักคุ้นเคย มั่นใจทั้งในพฤติกรรม ความรู้ความสามารถ จากอาจารย์ หรือผู้ถ่ายทอดเสียก่อน ว่ามีความรู้เพียงพอต่อองค์ความรู้ที่ได้รับหรือไม่

หากคุณ อยากรู้ ยังสนใจต้องการสอบถาม ก็ลองหาข้อมูลจากเวปไซต์ www.horathai.com ในส่วนของ webboard มีความรู้เกี่ยวกับ โหราศาสตร์ไทย ที่น่าสนใจมากมายครับ

หลักการ และทฤษฎีต่างๆที่มีใช้ในการวิเคราะห์ทางโหราศาสตร์มีผู้กำหนดไว้หลายสำนัก การที่จะตอบว่าอะไร ของใตร ดี ดีกว่า นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ทราบกันด้วย เพราะมีหลัก กาลามสูตร เป็นเครื่องเตือนใจว่า "อย่าเชื่อในทันที" และหลักในเรื่อง "ลางเนื้อ ชอบลางยา" การศึกษาหลายๆวิธี จะทำให้เราได้รับรู้แนวคิดของแต่ละสำนัก แต่ละสาย ข้อสรุปสุดท้าย อยู่ที่การพิสูจน์ของเราเองว่า จะใช้อะไรกรณีไหน อาจารย์ประยูรมักเปรียบเทียบชีวิตทหารว่า ต้องรู้จักการใช้อาวุธให้หลากหลาย ทั้ง มีดสั้น ปืนพก ปืนยาว ระเบิด เรียนรู้แล้วเอาไปใช้ให้ถูกต้องตามกาละเทศะ เลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ ม่ใช่รู้แล้ว เป็น "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด " พกอาวุธไปมากมาย สุดท้ายอาวุธนั้นกลับเป็นเครื่องมือให้ศัตรูทำร้านตัวเอง

ทฤษฏี ชัณษาจร มาจาก รอบอายุแบบ Synodic  Period โดย อ.อารี ได้อธิบายวงรอบนี้ไว้แล้ว โดยเขียนเป็นบทความเกี่ยวกับชัณษาจร ในช่วงที่ ท่านอ.อรุณ พึ่งเสียชีวิต(พ.ศ.2534) ลงในพยากรณ์สาร

ขอบคุณอ.พลังวัชร์ครับ น่าเสียดายบทความดีๆเก่าๆในพยากรณ์สาร น่าจะมีคนนำมากระจายออกสู่วงกว้างในโลกไซเบอร์บ้างไม่งั้นรุ่นหลังๆหาอ่านไม่ง่ายเลย

ถ้าผมสนใจวิชานี้แล้วอยากได้ข้อมูลมีห้องสมุดที่ใหนบ้างที่ผมค้นคว้าได้ครับ